นบีอาดัม อะลัยฮิสสลาม
بِـسْـــمِ اللَّهِ
الرَّحْمَانِ الرَّحِـيْــمِ
1.
นบีอาดัม อะลัยฮิสสลาม
نَبِيِ أدَمُ عَلَيْهِ السَّلاَمُ
Nabi
Adam
ก่อนที่โลกนี้จะมีมนุษย์
ในสวนสวรรค์อันเป็นส่วนหนึ่งแห่งอาณาจักรของอัลลอฮฺ ( ซ.บ.[[1]]) วันหนึ่ง อัลลอฮฺ ( ซ.บ. )ได้ทรงกล่าวแก่บรรดามลาอิกะฮฺ
ซึ่งเป็นบริวารรับใช้พระองค์ว่า “ ฉันจะสร้างตัวแทน ( เคาะลีฟะฮ ฺ) คนหนึ่งขึ้นมาบนหน้าแผ่นดิน ”
มลาอิก๊ะฮฺได้ถามว่า “ พระองค์จะทรงสร้างผู้ก่อความเสียหายและผู้หลั่งเลือดขึ้นมาในหน้าแผ่นดินกระนั้นหรือ
ทั้ง ๆ ที่พวกเราทั้งหลายก็แซ่ซ้องสรรเสริญ
และสดุดีความบริสุทธิ์ของพระองค์อยู่ตลอดเวลาแล้ว”
อัลลอฮฺ จึงได้ทรงกล่าวว่า “ ฉันรู้ในสิ่งที่พวกเจ้าทั้งหลายไม่รู้ ”
หลังจากนั้น
อัลลอฮฺได้ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาจากดินตามที่พระองค์ได้ทรงกล่าวไว้
และพระองค์ได้ทรงเป่าวิญญาณของพระองค์เข้าไปในดินที่พระองค์ทรงใช้สร้างมนุษย์
ดังนั้น มนุษย์คนแรกจึงเกิดขึ้นมีนามว่า อาดัม หลังจากนั้น อัลลอฮฺ ก็ได้ทรงสร้างคู่ครองให้แก่อาดัมซึ่งมีนามว่า
ฮาวา
เมื่ออาดัมถูกทำให้มีชีวิตขึ้นมาแล้ว
อัลลอฮฺได้ทรงสอนอาดัมให้รู้ชื่อของทุกสิ่งทุกอย่างที่จำเป็นต่อการมีชีวิต
และต่อการเป็นตัวแทนบนหน้าแผ่นดินตามที่พระองค์ทรงเจตนา อาดัมจึงมีความรู้มากมาย
หลังจากนั้นอัลลอฮฺได้ทรงหันไปยังมลาอิก๊ะฮฺ และกล่าวว่า “ทีนี้พวกเจ้าจงบอกถึงชื่อของสิ่งต่าง ๆ
ให้เราได้รู้หน่อยซิ ถ้าหากว่าพวกเจ้าแน่จริง "
มลาอิกะฮฺ จึงตอบว่า “ มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์
เราไม่มีความรู้ใด ๆ เว้นแต่เท่าที่พระองค์ทรงสอนพวกเราเท่านั้น แท้จริงแล้ว
พระองค์ทรงเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาสามารถ ”
อัลลอฮฺ ( ซ.บ. )
จึงได้ทรงมีบัญชาแก่อาดัมว่า “ อาดัมเอ๋ย ทีนี้เจ้าจงบอกชื่อของสิ่งเหล่านี้ให้แก่พวกเขาซิ ”
เมื่ออาดัมบอกชื่อของสิ่งที่อัลลอฮฺได้มีบัญชาแล้ว
พระองค์ได้ทรงกล่าวว่า “ฉันมิได้บอกสูเจ้าหรือว่าฉันรู้เรื่องสิ่งเร้นลับของชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินดียิ่งกว่าใคร
และรู้ดีถึงสิ่งที่เจ้าเปิดเผยและที่เจ้าปิดบัง ”
หลังจากนั้น อัลลอฮฺ ( ซ.บ. )
ทรงหันไปยังมลาอิก๊ะฮฺ และมีบัญชาว่า “ พวกเจ้าทั้งหลายจงกราบอาดัม ”
อัลลอฮฺ ( ซ.บ. ) จึงทรงถามว่า “ อิบลีสอะไรที่ทำให้สูเจ้าไม่ยอมกราบอาดัมที่ฉันสร้างมากับมือทั้งสองของฉัน
เจ้าหยิ่งทะนง หรือสูเจ้าคิดว่าตัวเองสูงส่ง ”
อิบลีส จึงตอบว่า “ ฉันดีกว่าเขา พระองค์ทรงสร้างฉันมาจากไฟ
แต่พระองค์ทรงสร้างเขามาจากดิน
พระองค์จะให้ฉันกราบผู้ที่ถูกสร้างมาจากดินกระนั้นหรือ ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น
อัลลอฮฺจึงทรงมีบัญชาว่า “ ถ้าเช่นนั้น
เจ้าจงออกไปจากสวนสวรรค์
และเจ้าไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะมาเป็นผู้โอหังในสถานที่แห่งนี้
ดังนั้นเจ้าจงออกไปเสียจากที่นี่
แท้จริงแล้วเจ้าจะเป็นผู้หนึ่งในหมู่ผู้ถูกสาปแช่งและผู้ได้รับความอัปยศ
ฉันจะสาปแช่งเจ้าไปจนกระทั่งวันแห่งการพิพากษา ”
พอรู้ว่าอัลลอฮฺ ( ซ.บ. ) ทรงกริ้ว
อิบลีสจึงได้วิงวอนขอต่อพระองค์ว่า “ โอ้พระเจ้าของฉัน
ขอพระองค์ได้ทรงผ่อนผันเวลาให้แก่ฉันไปจนกระทั่งวันที่มนุษย์ถูกทำให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้งหนึ่งด้วยเถิด ”
“ ก็ได้
ฉันจะผ่อนผันเวลาให้แก่เจ้าจนถึงวันที่ได้ถูกนัดหมายไว้ ” อัลลอฮ ( ซ.บ. ) ได้ตอบแก่มัน
อิบลีส จึงกล่าวว่า “ โอ้ผู้ทรงมหากรุณาธิคุณ คอยดูเถิด
ฉันจะหลอกลวงลูกหลานทั้งหมดของอาดัม
ยกเว้นบ่าวของพระองค์บางคนซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์ใจต่อพระองค์ ”
อัลลอฮฺ ( ซ.บ. )
จึงได้ทรงกล่าวว่า “ จำไว้
นี่คือความจริง และฉันพูดจริง คอยดู ฉันจะทำให้นรกเต็มไปด้วยพวกเจ้า
และบรรดามนุษย์ที่ปฏิบัติตามเจ้า ”
อิบลีส กล่าวว่า “ ก็เพราะพระองค์ทรงทำให้ฉันหลงผิด
ดังนั้นฉันสาบานว่า ฉันจะนั่งซุ่มคอยพวกเขาตามทางที่เที่ยงตรงของพระองค์
แล้วฉันจะจู่โจมพวกเขาจากทุก ๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นด้านหลัง ด้านขวาหรือด้านซ้าย
แล้วพระองค์ จะพบว่าส่วนใหญ่ของพวกเขาเป็นผู้ไม่กตัญญู ”
“ เอาเถิด
แต่เจ้าจะไม่มีอำนาจเหนือบ่าวของฉันบางคนที่ฉันจะคุ้มครองเขาไป
เจ้าออกไปจากที่นี่ได้แล้ว นรกจะเป็นรางวัลสำหรับเจ้าและผู้ที่ตามเจ้า ” อัลลอฮฺ ( ซ.บ. ) ทรงกล่าวกับอิบลีส
หลังจากนั้น อัลลอฮฺ ( ซ.บ. )
ได้ทรงหันไปหาอาดัมและฮาวา และกล่าวว่า “ อาดัมเอ๋ย อิบลีสคือศัตรูของเจ้าและภรรยาของเจ้า ดังนั้น
จงอย่าปล่อยให้มันทำให้เจ้าทั้งสองต้องถูกขับไล่ออกจากสวนสวรรค์
และต้องพบกับความทุกข์ยากลำบาก
เพราะในสวนสวรรค์มีสิ่งที่ทำให้เจ้าไม่ต้องหิวโหยไม่ต้องเปลือยกาย ไม่ต้องกระหายน้ำและไม่ต้องตากแดด
เจ้ากับคู่ครองของเจ้าจงอยู่ในสวนสวรรค์แห่งนี้ตามสบาย
เจ้าทั้งสองจะกินอะไรก็ได้ตามใจเจ้า แต่จงอย่าเข้าใกล้ต้นไม้ต้นนี้ มิเช่นนั้นแล้ว
เจ้าจะเป็นผู้หนึ่งในหมู่ผู้ทำผิด ”
อาดัมและฮาวาอยู่กินในสวนสวรรค์อย่างมีความสุขมาเป็นเวลานาน
แล้ววันหนึ่ง มารร้ายอิบลีสก็ได้ใช้วิธีการกระซิบในหัวใจของอาดัมและฮาวา
เพื่อที่มันจะเปิดเผยสิ่งพึงละอายที่คนทั้งสองปิดบังไว้ต่อกัน
มันได้กล่าวแก่คนทั้งสองว่า “ พระเจ้าของท่านทั้งสองห้ามท่านมิให้เข้าใกล้ต้นไม้นี้
ก็เพราะพระองค์ทรงเกรงว่าท่านทั้งสองจะกลายเป็นมะลาอิกะฮฺ
หรือท่านทั้งสองจะกลายเป็นผู้มีชีวิตนิรันดร์ เชื่อฉันเถอะ
ฉันหวังดีต่อท่านทั้งสองจริง ๆ เอาไหม
ฉันจะนำเจ้าไปยังต้นไม้ที่ทำให้ชีวิตเป็นอมตะ”
อาดัมและฮาวาหลงเชื่อคำล่อลวงของอิบลีส
ดังนั้น ทั้งสองจึงลองเข้าใกล้ต้นไม้ที่อัลลอฮฺได้ทรงสั่งห้ามไว้และลองลิ้มรสผลไม้
ทันใดนั้นสิ่งพึงละอายของคนทั้งสองก็ถูกเปิดเผยต่อกัน
อาดัมและฮาวาต่างรีบหาใบไม้ใกล้ ๆ
นั้นมาปกปิดสิ่งพึงสงวนของตัวเองให้พ้นจากความละอาย
หลังจากนั้น อัลลอฮฺ ( ซ.บ. )
ได้ทรงเรียกอาดัมและฮาวาออกมา และทรงกล่าวว่า “ ฉันมิได้ห้ามเจ้าทั้งสองเข้าใกล้ต้นไม้นี้และเตือนเจ้าทั้งสองว่ามารร้ายเป็นศัตรูที่ชัดเจนของเจ้ากระนั้นหรือ”
ทั้งสองจึงกล่าวว่า “ โอ้พระผู้อภิบาลของเรา
เรากระทำความผิดต่อตัวเราเองไปแล้ว
ถ้าหากพระองค์ไม่ทรงให้อภัยแก่เราและทรงเมตตาต่อเราแล้ว
เราจะต้องเป็นผู้หายนะอย่างแน่นอน ”
เมื่ออาดัมสำนึกผิด พระองค์จึงทรงรับการสำนึกผิดของเขา
เพราะพระองค์คือผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ
หลังจากนั้น
อัลลอฮฺได้ทรงกล่าวแก่ทั้งสองว่า “ จงลงไปจากที่นี่เสีย เจ้ากับอิบลีสจะเป็นศัตรูต่อกันและกัน
แผ่นดินจะเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับเจ้าชั่วระยะเวลาหนึ่ง
และเจ้าจะได้รับปัจจัยยังชีพต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต ณ ที่นั้น
เจ้าจะมีชีวิต และ ณ ที่นั้น เจ้าจะตาย และ ณ
ที่นั้นอีกเช่นกันที่เจ้าจะถูกนำออกมา หลังจากนี้แล้ว ถ้ามีแนวทางจากฉันมายังเจ้า
แล้วผู้ใดปฏิบัติตามแนวทางของฉัน พวกเขาก็จะไม่ต้องหวาดกลัว
แต่ผู้ใดปฏิเสธแนวทางของฉันแล้ว พวกเขาก็จะได้อยู่ในนรก ”
หลังจากที่ลงมาอยู่บนโลกแห่งนี้แล้ว
อาดัมและฮาวาก็มีลูกหลานมากมายแพร่ขยายไปยังทุกส่วนของโลก
และทั้งสองก็ได้กลายเป็นต้นตระกูลของมนุษย์ชาติทุกเผ่าพันธุ์มาจนทุกวันนี้
และตราบใดที่ยังไม่ถึงวันสิ้นโลก ลูกหลานของท่านก็ยังคงถูกอิบลีสมารร้ายล่อลวงอยู่
ดังนั้นหลังจากสมัยของอาดัม อัลลอฮฺจึงได้ส่งนบีต่าง ๆ
มายังลูกหลานทุกกลุ่มของอาดัมให้มาบอกถึงวิธีการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง
เพื่อป้องกันตัวเองมิให้ถูกมารร้ายชัยฎอนล่อลวงไปลงนรก
[2] อิบลีส
اِبْلِيْسِ คือหัวหน้าชัยฏอนและญิน
ถูกสร้างจากไฟ ชัยฏอนและญินมีทั้งตัวผู้ตัวเมีย แต่ญินมีทั้งมุสลิมและปฏิเสธอิสลาม
ป้ายกำกับ: นบีอาดัม อะลัยฮิสสลาม
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]
<< หน้าแรก