อัลกุรอานญุซอ์ที่ 27
ญุซอ์ที่ 27
[51.31] เขากล่าวว่า
ดังนั้นความมุ่งหมายของพวกท่านคืออะไรเล่า โอ้บรรดาทูตเอ๋ย?
[51.32] พวกเขากล่าวว่า
แท้จริงเราถูกส่งมายังหมู่ชน ผู้กระทำผิด
[51.33]
เพื่อเราจะได้โยนก้อนหินทำด้วยดินเหนียวแข็งลงบนพวกเขา
[51.34] ถูกตราเป็นเครื่องหมายไว้แล้ว ณ ที่พระเจ้าของเจ้าสำหรับพวกที่ละเมิดขอบเขต
[51.35] ดังนั้น
เราได้นำผู้ที่อยู่ในเมืองนั้นจากหมู่ ผู้ศรัทธาออกมาให้พ้น
[51.36] และเราไม่พบผู้ใดในเมืองนั้น
นอกจากบ้านหลังหนึ่งของปวงผู้นอบน้อม
[51.37] และเราได้เหลือสัญญาณหนึ่งไว้
สำหรับบรรดาผู้ที่กลัวต่อการลงโทษอันเจ็บปวด
[51.38] และในเรื่องของมูซา
เมื่อเราส่งเขาไปยังฟิร เอาน:พร้อมด้วยหลักฐานอันชัดแจ้ง
[51.39]
แต่ฟิรเอาน์ได้ผินหลังออกไปพร้อมกับบริวารของเขา แล้วกล่าว
(ถึงการทำหน้าที่ของมูซา) ว่า นักเล่นกลหรือคนบ้า
[51.40] ดังนั้น เราได้เอาเขามา
และไพร่พลของเขา แล้วเราได้โยนพวกเขาลงไปในทะเลและตัวเขาก็ถูกประณาม
[51.41] และในเรื่องของอ๊าด
เมื่อเราได้ส่งลมพายุที่ทำลายล้างมายังพวกเขา
[51.42] มันมิได้เหลืออะไรทิ้งไว้เลย
เมื่อมันได้พัดกระหน่ำมา นอกจากนี้จะทำให้สิ่งนั้นพินาศย่อยยับ
[51.43] และในเรื่องของษะมูด เมื่อมีผู้กล่าวแก่พวกเขาว่า
พวกท่านจงสนุกร่าเริงไปชั่วขณะหนึ่งเถิด
[51.44]
แต่พวกเขาได้ท้าทายโอหังต่อพระบัญชาของพระเจ้าของพวกเขา
ดังนั้นเสียงกัมปนาทก็ได้คร่าชีวิตพวกเขาขณะที่พวกเขาจ้องมองดูอยู่
[51.45] แล้วพวกเขาไม่สามารถจะลุกขึ้นยืนได้
และพวกเขาก็ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
[51.46] และหมู่ชนของนูหก่อนหน้านี้
แท้จริงพวกเขาเป็นหมู่ชนที่ฝ่าฝืน
[51.47] และชั้นฟ้า
เราได้สร้างมันด้วยพระหัตถ์ของเรา และแท้จริงเราได้แผ่ให้กว้างไพศาล
[51.48] และแผ่นดินนั้น เราได้แผ่ขยายมันออกไป
ดังนั้นเราเป็นผู้แผ่ขยายที่ยอดเยี่ยม
[51.49] และจากทุก ๆ สิ่งนั้น เราได้สร้าง
(มัน) ขึ้นเป็นคู่ ๆ เพื่อพวกเจ้าจะได้ใคร่ครวญ
[51.50]
ดังนั้นพวกท่านจงเร่งรีบไปหาอัลลอฮ์แท้จริง
ฉันเป็นผู้ตักเตือนอย่างเปิดเผยจากพระองค์แก่พวกท่าน
[51.51]
และพวกท่านอย่าตั้งพระเจ้าอื่นใดเป็นภาคีกับอัลลอฮ์แท้จริง ฉันเป็นผู้ตักเตือนอย่างเปิดเผยจากพระองค์แก่พวกท่าน
[51.52] เช่นนั้นแหละ
ไม่มีร่อซู้ลคนใดมายังบรรดา (หมู่ชน) ก่อนหน้าพวกเขา
เว้นแต่พวกเขากล่าวว่าเป็นนักเล่นกลหรือคนบ้า
[51.53]
พวกเขาได้สั่งเสียในเรื่องนี้แก่กันกระนั้นหรือ? เปล่าเลย!
แต่ว่าพวกเขาเป็นหมู่ชนผู้ละเมิดเกินขอบเขต
[51.54] ดังนั้น
เจ้าจงผินหลังออกจากพวกเขาเถิด แล้ว เจ้าจะไม่เป็นผู้ถูกตำหนิ
[51.55] และจงตักเตือนเถิด
เพราะแท้จริงการตักเตือนนั้นจะให้ประโยชน์แก่บรรดาผู้ศรัทธา
[51.56] และข้ามิได้สร้างญิน
และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า
[51.57] ข้าไม่ต้องการปัจจัยยังชีพจากพวกเขา
และข้าก็ไม่ต้องการให้พวกเขาให้อาหารแก่ข้า
[51.58] แท้จริงอัลลอฮ์
คือผู้ประทานปัจจัยยังชีพอันมากหลาย ผู้ทรงพลัง ผู้ทรงมั่นคง
[51.59] ดังนั้นแท้จริง
สำหรับบรรดาผู้ประพฤติผิดนั้น
เขาจะได้รับส่วนของการลงโทษเยี่ยงส่วนการลงโทษพวกเพื่อน ๆ ของพวกเขา
ดังนั้นพวกเขาอย่าได้รีบเร่งให้ข้า (ลงโทษ) เลย
[51.60] ดังนั้น
ความหายนะจะประสบแด่ บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาในวันของพวกเขาซึ่ง ได้ถูกสัญญาไว้
52. ซูเราะห์อัฎฏูร
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[52.1] ขอสาบานต่อภูเขาอัฏฏูร
[52.2] ขอสาบานต่อคัมภีร์ที่ถูกจารึกไว้
[52.3] ในม้วนกระดาษหรือหนังที่กางแผ่
[52.4]
ขอสาบานต่ออาคารที่ถูกเยือนอย่างสม่ำเสมอ
[52.5] ขอสาบานต่อท้องฟ้าที่อยู่เบื้องสูง
[52.6] ขอสาบานต่อทะเลที่ลุกโชติช่วง
(ในวันกิยามะฮ์)
[52.7]
แท้จริงการลงโทษของพระเจ้าของเจ้าจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
[52.8] ไม่มีผู้ใดจะเบี่ยงบ่ายมันได้
[52.9]
วันที่ชั้นฟ้าจะสั่นสะเทือนอย่างชุลมุนวุ่นวาย
[52.10] และเทือกเขาจะปลิวว่อนกระจัดกระจาย
[52.11] ดังนั้น
ความหายนะในวันนั้นจงประสบแก่บรรดาผู้ปฏิเสธ
[52.12] บรรดาที่พวกเขาอยู่ในการมั่วสุม
การละเล่นอย่างไร้สาระ
[52.13]
วันที่พวกเขาจะถูกผลักลงนรกญะฮันนัมอย่างผลักไสไล่ส่ง
[52.14] นี่คือไฟนรก ซึ่งพวกเจ้าเคยปฏิเสธมัน
[52.15] นี่คือเล่ห์กลหรือ
หรือว่าพวกเจ้ายังมองไม่เห็น?
[52.16] จงเข้าไปเผาไหม้ในนั้น
พวกเจ้าจะทนได้หรือทนไม่ได้ก็เท่าเทียมกันสำหรับพวกเจ้า แท้จริงพวกเจ้านั้นจะถูกตอบแทนตามที่พวกเจ้าได้กระทำไว้เท่านั้น
[52.17]
แท้จริงบรรดาผู้ยำเกรงนั้นจะได้อยู่ในสวนสวรรค์ และความสุขสำราญ
[52.18]
ได้รับความสุขอันล้นพ้นตามที่พวกเขาและพระเจ้าของพวกเขาจะคุ้มครองพวกเขาให้พ้นจากการลงโทษของเปลวไฟ
[52.19] พวกเจ้าจงกิน จงดื่มอย่างสบายใจตามที่พวกเจ้าได้กระทำไว้
[52.20] นอนเอกเขนกอยู่บนเตียงเรียงชิดติดกัน
และเราให้พวกเขามีคู่ครองเป็นหญิงสาวสวยดวงตาโตคม
[52.21] และบรรดาผู้ศรัทธา
บรรดาลูกหลานของพวกเขาจะดำเนินตามพวกเขาด้วยการศรัทธา
เราจะให้ลูกหลานของพวกเขาอยู่ร่วมกับพวกเขา และเราจะไม่ให้การงานของพวกเขาลดหย่อนลงจากพวกเขาแต่อย่างใด
แต่ละคนย่อมได้รับการค้ำประกันในสิ่งที่เขาขวนขวายไว้
[52.22] และเราจะเพิ่มพูนให้แก่พวกเขา
ซึ่งผลไม้และเนื้อตามที่พวกเขาต้องการ
[52.23]
พวกเขาจะแลกเปลี่ยนถ้วยแก้วกันในสวรรค์ จะไม่มีการพูดจาตลกคะนอง และไม่มีการทำบาป
[52.24]
มีเด็กวัยรุ่นของพวกเขาวนเวียนรับใช้พวกเขา เสมือนว่าพวกเขาเช่นไข่มุกถูกปกปิดไว้
[52.25]
และบางคนในหมู่พวกเขาจะหันหน้าเข้าหากัน สอบถามซึ่งกันและกัน
[52.26] พวกเขากล่าวว่า แท้จริง แต่ก่อนนี้
(ในโลกดุนยา) พวกเราอยู่กับครอบครัวของเราเป็นผู้มีความวิตกกังวล
[52.27] ดังนั้น อัลลอฮ์ได้ทรงโปรดปรานแก่เรา
และได้ทรงปกป้องเราให้พ้นจากการลงโทษแห่งลมร้อน
[52.28] แท้จริง
ก่อนหน้านี้เราได้วิงวอนต่อพระองค์
แท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้ทรงเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ผู้ทรงเมตตาเสมอ
[52.29] ดังนั้น จงกล่าวเตือน (พวกเขาเถิด)
เนื่องเพราะความโปรดปรานแห่งพระเจ้าของเจ้ามิได้เป็นโหร และมิได้เป็นบ้า
[52.30] หรือพวกเขากล่าวว่า มุฮัมมัดเป็นกวี
เราคอยภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นแก่เขา
[52.31] จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด พวกท่านจงคอยเถิด
แท้จริงฉันก็จะอยู่ในหมู่ผู้คอยร่วมกับพวกท่าน
[52.32] หรือว่าสติปัญญาของพวกเขาใช้พวกเขาให้เชื่อเช่นนั้น
หรือว่าพวกเขาเป็นหมู่ชนผู้ฝ่าฝืน
[52.33] หรือพวกเขากล่าวว่า
เขาได้เสกสรรปั้นแต่งอัลกุรอานขึ้นเอง เปล่าดอก พวกเขาไม่ศรัทธาต่างหาก
[52.34] ดังนั้น
พวกเขาจงนำคำกล่าวเช่นเดียวกันนี้มา หากพวกเขาเป็นผู้สัตย์จริง
[52.35] หรือว่าพวกเขาถูกบังเกิดมาโดยไม่มีผู้ให้บังเกิด
หรือว่าพวกเขาเป็นผู้ให้บังเกิดตนเอง
[52.36]
หรือว่าพวกเขาเป็นผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนี้ เปล่าเลย
เพราะพวกเขาไม่เชื่อมั่นต่างหาก
[52.37]
หรือว่าพวกเขามีขุมทรัพย์แห่งพระเจ้าของเจ้า หรือว่าพวกเขาเป็นผู้มีอำนาจจัดการ
[52.38]
หรือว่าพวกเขามีบันไดเพื่อพวกเขาจะได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ ในชั้นฟ้า ดังนั้น
ก็จงให้คนที่ฟังในหมู่พวกเขานำหลักฐานอันชัดแจ้งมา
[52.39] หรือว่าพระองค์ทรงมีบุตรหญิงหลายคน
และพวกเจ้ามีบุตรชายหลายคน
[52.40] หรือว่าเจ้าขอค่าจ้างจากพวกเขา
ดังนั้น พวกเขาจึงมีภาระหนี้อันหนัก
[52.41] หรือว่าที่พวกเขามีสิ่งเร้นลับ
แล้วพวกเขาก็บันทึกไว้
[52.42] หรือว่าพวกเขาต้องการที่จะวางแผนร้าย
แต่ว่าบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น พวกเขาต่างหากที่จะถูกวางแผนร้าย
[52.43] หรือว่าพวกเขามีพระเจ้าอื่นจากอัลลอฮ์
มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่อัลลอฮ์จากสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคี
[52.44]
ครั้นเมื่อพวกเขาเห็นเศษชิ้นหนึ่งร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า พวกเขาจะกล่าวว่า
มันเป็นเพียงก้อนเมฆรวมตัว
[52.45] ดังนั้น จงปล่อยพวกเขาเถิด
จนกว่าพวกเขาจะพบกับวันของพวกเขา ซึ่งในวันนั้นพวกเขาจะถูกทำให้เป็นลมหมดสติ
[52.46] วันซึ่งแผนการณ์ร้ายของพวกเขาจะไม่อำนวยประโยชน์อันใดแก่พวกเขา
และพวกเขาก็จะไม่ได้รับการช่วยเหลือ
[52.47]
และแท้จริงสำหรับบรรดาผู้อธรรมนั้นจะได้รับการลงโทษอื่นจากนั้นอีก
แต่ว่าส่วนมากของพวกเขาไม่รู้
[52.48] ดังนั้น
จงอดทนต่อพระบัญชาของพระเจ้าของเจ้า เพราะแท้จริง เจ้านั้นอยู่ในเบื้องสายตาของเรา
และจงแซ่ซ้องสดุดีด้วยการสรรเสริญพระเจ้าของเจ้าขณะเมื่อเจ้าลุกขึ้นยืน
[52.49]
และส่วนหนึ่งของกลางคืน ก็จงแซ่ซ้องสดุดีพระองค์ และเมื่อยามคล้อยลับของหมู่ดวงดาว
53. ซูเราะห์อันนัจม์
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[53.1] ขอสาบานด้วยดวงดาวเมื่อมันคล้อยตกลงมา
[53.2] สหาย (มุฮัมมัด)
ของพวกเจ้ามิได้หลงผิดและเชื่อมั่นในทางที่ผิด
[53.3] และเขามิได้พูดตามอารมณ์
[53.4]
อัลกุรอานมใช่อื่นใดนอกจากเป็นวะฮีย์ที่ถูกประทานลงมา
[53.5] ผู้ทรงพลังอำนาจอันมากมาย (ญิบรีล)
ได้สอนเขา
[53.6] ผู้ทรงพลังอันแข็งแรง
ดังนั้นเขาจึงปรากฏในสภาพที่แท้จริง
[53.7] ขณะที่เขาอยู่บนขอบฟ้าอันสูงส่ง
[53.8] แล้วเขาได้เข้ามาใกล้
และเข้ามาใกล้จนชิด
[53.9] เขาเข้ามาใกล้ (จนอยู่)
ในระยะของปลายคันธนูทั้งสอง หรือใกล้กว่านั้นอีก
[53.10] ดังนั้น เขา (ญิบรีล) จึงนำวะฮีย์มาให้แก่บ่าวของพระองค์
(มุฮัมมัด) สิ่งที่เขาจะนำวะฮีย์มา
[53.11] จิตใจ (ของมุฮัมมัด)
มิได้ปฏิเสธสิ่งที่เขาได้เห็น
[53.12]
แล้วพวกเจ้าจะโต้เถียงกับเขาเกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้เห็นอีกหรือ
[53.13] และโดยแน่นอน
เขาได้เห็นญิบรีลในการลงมาอีกครั้งหนึ่ง
[53.14] ณ ที่ต้นพุทราอันไกลโพ้น
[53.15] ณ ที่นั้น
คือสวนสวรรค์อันเป็นที่พำนัก
[53.16] (ขณะนั้น) สิ่งที่ปกคลุม (แสงประกาย)
ได้ปกคลุมต้นพุทรา
[53.17] สายตา (ของมุฮัมมัด)
มิได้เหลือบแลไปทางอื่น และมิได้ล่วงเกินไป
[53.18]
โดยแน่นอนเขาได้เห็นสัญญาณอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าของเขา
[53.19]
แล้วพวกเจ้ามิได้เห็นอัลลาตและอัลอุซซา
[53.20] และตัวอื่นคือตัวที่สาม,มะนาต
ดอกหรือ
[53.21] สำหรับพวกเจ้ามีเพศชาย
และสำหรับพระองค์เพศหญิงกระนั้นหรือ
[53.22] ดูซิ
นั่นเป็นการแบ่งส่วนที่ไม่ยุติธรรม
[53.23]
เหล่านี้มิใช่อื่นใดนอกจากเป็นชื่อที่พวกเจ้าและบรรพบุรุษของพวกเจ้าตั้งมันขึ้นมาเอง
อัลลอฮ์มิได้ทรงประทานหลักฐานอันใดลงมาเกี่ยวกับเรื่องนั้นเลย
พวกเขามิได้ปฏิบัติตามสิ่งใดนอกจากการคาดคะเน และทางที่ถูกต้อง (ฮิดะยะฮ์)
จากพระเจ้าของพวกเขาได้มีมายังพวกเขาแล้ว
[53.24] หรือว่าสำหรับมนุษย์นั้นจะได้ทุกสิ่งที่เขาปรารถนา
[53.25] (อำนาจนั้น)
เป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ์ทั้งในปรโลกและโลกนี้
[53.26]
และมะลักกี่มากน้อยในชั้นฟ้าทั้งหลายนั้น
การชะฟาอะฮ์ของพวกเขาจะไม่อำนวยประโยชน์อันใด (แก่พวกเขา)
เว้นแต่หลังจากอัลลอฮ์จะทรงอนุมัติแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงพอพระทัย
[53.27] แท้จริง
บรรดาผู้ที่ไม่ศรัทธาต่อวันปรโลกนั้น แน่นอนพวกเขาจะตั้งชื่อมลาอิกะฮ์เป็นเพศหญิง
[53.28] และพวกเขาไม่มีความรู้ในเรื่องนั้นเลย
พวกเขามิได้ปฏิบัตตามสิ่งใดนอจากการคาดคะเน
และแท้จริงการคาดคะเนนั้นจะไม่อำนวยประโยชน์อันใดแก่ความจริงได้
[53.29] ดังนั้น
เจ้าจงหลบหลีกให้ห่างจากผู้ที่ผินหลังจากการรำลึกนึกถึงเรา (อัลลอฮ์)
และเขามิได้ปรารถนาอื่นใดนอกจากการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้เท่านั้น
[53.30]
นั่นคือสุดยอดแห่งความรู้ของพวกเขาแล้ว แท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้น
พระองค์ทรงรู้ดียิ่งถึงผู้ที่หลงออกจากทางของพระองค์
และพระองค์ทรงรู้ดียิ่งถึงผู้ที่อยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง (ฮิดายะห์)
[53.31]
และสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินนั้น
เป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ์
เพื่อพระองค์จะทรงตอบแทนบรรดาผู้กระทำความชั่วตามที่พวกเขาประพฤติ
และจะทรงตอบแทนบรรดาผู้กระทำความดีด้วยความดี
[53.32]
แก่บรรดาผู้หลีกเลี่ยงห่างจากการทำบาปใหญ่ และทำสิ่งลามกทั้งหลาย
เว้นแต่ความผิดพลาดเล็กน้อย
แท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้นทรงเป็นผู้กว้างขวางในการอภัย
พระองค์ทรงรู้จักพวกเจ้าดียิ่ง เมื่อครั้งบังเกิดพวกเจ้าจากแผ่นดิน
และเมื่อครั้งพวกเจ้าเป็นทารกอยู่ในครรภ์ของมารดาของพวกเจ้า ดังนั้น
พวกเจ้าอย่าแสดงความบริสุทธิ์แก่ตัวของพวกเจ้าเอง
เพราะพระองค์ทรงรู้ดียิ่งถึงผู้ที่มีความยำเกรง
[53.33] เจ้าได้เห็นผู้ที่ผินหลังให้บ้างไหม
[53.34] และเขาให้เพียงเล็กน้อย
และเขาได้ตระหนี่ (ส่วนที่เหลือ)
[53.35] เขามีความรู้ในสิ่งเร้นลับกระนั้นหรือ
เขาจึงได้เห็น
[53.36]
หรือว่าเขามิไรับข่าวคราวที่มีอยู่ในคัมภีร์ของมูซา
[53.37] และ (ในคัมภีร์ของ) อิบรอฮีม
ผู้ซึ่งปฏิบัติตามสัญญาอย่างครบครัน
[53.38]
ว่าไม่มีผู้แบกภาระคนใดที่จะแบกภาระของผู้อื่นได้
[53.39] และมนุษย์จะไม่ได้อะไรเลย
นอกจากสิ่งที่เขาได้ขวนขวายเอาไว้
[53.40]
และแท้จริงการขวนขวายของเขาก็จะได้เห็นในไม่ช้า
[53.41]
แล้วเขาก็จะได้รับการตอบแทนด้วยการตอบแทนที่ครบถ้วนสมบูรณ์
[53.42] และแท้จริงจุดหมายปลายทาง (ของเขา)
ย่อมไปสู่พระเจ้าของเจ้า
[53.43] และแท้จริงพระองค์คือผู้ทรงทำให้หัวเราะ
และทรงทำให้ร้องไห้
[53.44]
และแท้จริงพระองค์คือผู้ทรงทำให้ตายและทรงทำให้เป็น
[53.45]
และแท้จริงพระองค์ทรงสร้างสามีภรรยาคู่หนึ่ง เป็นเพศชายและเพศหญิง
[53.46] จากเชื้ออสุจิเมื่อมันหลั่งออกมา
[53.47] และแท้จริง
เป็นหน้าที่ของพระองค์ที่จะให้บังเกิดอีกครั้งหนึ่ง
[53.48] และแท้จริง
พระองค์ทรงทำให้เขาร่ำรวยและทรงทำให้เขายากจน
[53.49] และแท้จริง
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งดาวสิริอุส (อัชเชียะอ์รอ)
[53.50] และแท้จริง
พระองค์ทรงทำลายพวกอ๊าดรุ่นก่อน ๆ
[53.51]
และพวกษะมูดก็ไม่ได้ให้มีเหลืออยู่อีกเลย
[53.52] และหมู่ชนของนูห์ก่อนหน้านี้
แท้จริงพวกเขาเป็นผู้อธรรมยิ่ง และเป็นผู้ละเมิดยิ่ง
[53.53] และเมืองที่พลิกคว่ำลง
(อัลมุอ์ตะฟิกะฮ์) พระองค์ทรงให้มันถล่มลง
[53.54] ฉะนั้น สิ่งที่ครอบคลุมมันก็
(คือการลงโทษ) ได้ครอบคลุมมัน
[53.55] ดังนั้น ความโปรดปรานของพระเจ้าของเจ้าอันใดเล่าที่เจ้ายังสงสัยอยู่
[53.56]
นี่คือผู้ตักเตือนที่มาจากปวงผู้ตักเตือนรุ่นก่อน ๆ
[53.57] เวลาที่ใกล้เข้ามา (วันกิยามะฮ์)
ได้ใกล้เข้ามาแล้ว
[53.58] ไม่มีผู้ใดที่จะปัดเป่าให้พ้นไปได้
นอกจากอัลลอฮ์
[53.59]
พวกเจ้ายังคงแปลกใจต่อคำกล่าวนี้อีกหรือ
[53.60] และพวกเจ้ายังคงหัวเราะ
และยังไม่ร้องไห้!
[53.61] และพวกเจ้ายังคงหลงระเริงลืมตัว!
[53.62] ดังนั้น
พวกเจ้าจงสุญูดต่ออัลลอฮ์เถิด และจงเคารพภักดีต่อพระองค์เถิด
54. ซูเราะห์อัลเกาะมัร
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[54.1] วันกิยามะฮ์ ได้ใกล้เข้ามาแล้ว
และดวงจันทร์ได้แยกออก
[54.2] และหากพวกเขาเห็นสัญญาณ (ปาฏิหาริย์)
พวกเขาก็ผินหลังให้และกล่าวว่า นี่คือมายากลที่มีมาก่อนแล้ว
[54.3]
และพวกเขาได้ปฏิเสธและปฏิบัติตามอารมณ์ใฝ่ต่ำของพวกเขา
และกิจการทุกอย่างย่อมเป็นไปตามกำหนด
[54.4] และโดยแน่นอน ได้มีข่าวคราว (ในอดีต)
มายังพวกเขาแล้ว ซึ่งในนั้นมีข้อตักเตือน (แก่พวกเขา)
[54.5] (อัลกุรอานนี้) เป็นฮิกมะฮ์อันลึกซึ้ง
แต่การตักเตือนนั้นไม่บังเกิดผล (แก่พวกเขา)
[54.6] ดังนั้นเจ้า (มุฮัมมัด)
จงผินหลังให้แก่พวกเขา วันซึ่งผู้เรียกร้อง (อิสรอฟีล) จะร้องเรียกไปสู่สิ่งที่น่ากลัวสยองขวัญ
[54.7]
สายตาของพวกเขาจะลดต่ำลงขณะที่พวกเขาออกจากกุบูร
เสมือนหนึ่งพวกเขาเป็นตั๊กแตนที่บินว่อน
[54.8] รีบวิ่งไปยังผู้เรียกร้อง
พวกปฏิเสธศรัทธาจะกล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่ลำบากยิ่ง
[54.9] ก่อนหน้าพวกเขานั้น
หมู่ชนของนูห์ได้ปฏิเสธ พวกเขาได้ปฏิเสธบ่าวของเราโดยกล่าวว่าเขา (นูห์) เป็นคนบ้า
และถูกขู่บังคับ
[54.10] เขาจึงวิงวอนขอต่อพระเจ้าของเขาว่า
แท้จริงข้าพระองค์ถูกพิชิตเสียแล้ว ได้โปรดช่วยเหลือ (ข้าพระองค์) ด้วย
[54.11] ดังนั้น
เราจึงได้เปิดประตูแห่งชั้นฟ้าให้น้ำฝนเทลงมาอย่างหนัก
[54.12] และเราได้ทำให้แผ่นดินแยกออกเป็นตาน้ำไหลพุ่ง
ดังนั้น น้ำฝนและตาน้ำได้มาบรรจบกันตามกิจการที่ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว
[54.13]
และเราได้บรรทุกเขาไว้บนเรือที่ทำด้วยแผ่นไม้กระดาน และตอกติดด้วยตะปู
[54.14] มัน (เรือ) ได้แล่นไปต่อหน้าเรา
(ภายใต้การคุ้มครองของเรา) เป็นการตอบแทนแก่ผู้ที่ถูกปฏิเสธ
[54.15]
และโดยแน่นอนเราได้ทิ้งมันไว้เป็นสัญญาณหนึ่ง แต่มีผู้ใดบ้างที่รับข้อตักเตือนนั้น
[54.16] ดังนั้น
การลงโทษของเราและการตักเตือนของเราเป็นเช่นใดบ้าง
[54.17] และโดยแน่นอน
เราได้ทำให้อัลกุรอานนี้เป็นที่เข้าใจง่ายแก่การรำลึก แล้วมีผู้ใดบ้างที่รับข้อตักเตือนนั้น
[54.18] พวกอ๊าดได้ปฏิเสธ
ดังนั้นการลงโทษของเราและการตักเตือนของเราเป็นเช่นใดบ้าง
[54.19]
แท้จริงเราได้ส่งลมพายุที่หนาวเหน็บไปยังพวกเขา ในวันแห่งความหายนะที่ติดต่อกัน
[54.20]
ลมได้พัดกระชากผู้คนคล้ายกับว่าพวกเขาเป็นต้นอินทผลัมที่ถูกถอนออกจากราก
[54.21] ดังนั้นการลงโทษของเรา
และการตักเตือนของเราเป็นเช่นใดบ้าง?
[54.22] และโดยแน่นอน
เราได้ทำให้อัลกุรอานนี้เป็นที่เข้าใจง่ายแก่การรำลึก
แล้วมีผู้ใดบ้างที่รับข้อตักเตือนนั้น
[54.23] พวกซะมูดได้ปฏิเสธผู้ตักเตือน
(ร่อซู้ลของพวกเขา)
[54.24] พวกเขากล่าวว่า คนธรรมดา ๆ
จากพวกเรานี้นะหรือจะให้เราปฏิบัติตามเขา
แน่นอนดังนั้นเราจะอยู่ในการหลงทางและเป็นคนบ้า
[54.25]
สาสน์นั้นถูกส่งมาให้แก่เขาแต่ผู้เดียวอื่นจากพวกเรากระนั้นหรือ? เปล่าเลย
เขาเป็นคนพูดเท็จ อวดดี ไร้มารยาท
[54.26] พรุ่งนี้พวกเขาจะได้รู้ว่าใครเป็นคนพูดเท็จ
อวดดี ไร้มารยาท
[54.27]
แท้จริงเราจะส่งอูฐตัวเมียตัวหนึ่งมาเพื่อเป็นการทดสอบแก่พวกเขา ดังนั้น (ซอและฮ)
จงคอยดูพวกเขาและจงอดทน
[54.28] และจงบอกพวกเขาว่า
น้ำนั้นถูกแบ่งส่วนระหว่างพวกเขา ทุก ๆ ส่วนของน้ำดื่มถูกจัดไว้แล้ว
[54.29] แต่พวกเขาได้ร้องเรียกเพื่อนของพวกเขา
เขาได้จับมันฆ่าด้วยดาบอย่างทารุณ
[54.30] ดังนั้น การลงโทษของเรา
และการตักเตือนของเราเป็นเช่นใดบ้าง
[54.31] แท้จริง
เราได้ส่งเสียงกัมปนาทเพียงครั้งเดียวลงบนพวกเขา แล้วพวกเขากลายเป็นเช่นเศษไม้แห้ง
[54.32] และโดยแน่นอน เราได้ทำให้อัลกุรอานนี้เป็นที่เข้าใจง่ายแก่การรำลึก
แล้วมีผู้ใดบ้างที่รับข้อตักเตือนนั้น
[54.33] หมู่ชนของลูฏได้ปฏิเสธต่อการตักเตือน
[54.34] แท้จริง
เราได้ส่งพายุหินจากท้องฟ้าลงบนพวกเขา นอกจากวงศ์วานของลูฏ
เราได้ช่วยพวกเขาให้รอดพ้นในยามรุ่งสาง
[54.35] เป็นความโปรดปรานจากเรา
เช่นนั้นแหละเราตอบแทนผู้กตัญญู
[54.36] และโดยแน่นอนเขา (ลูฏ)
ได้ตักเตือนพวกเขาถึงการลงโทษของเรา แต่พวกเขาได้โต้แย้งข้อตักเตือน (ของเรา)
[54.37] และโดยแน่นอน พวกเขาได้ขอร้อง
(แกมบังคับ) เขาให้ส่งมอบแขกของเขา (แก่พวกเขา) ดังนั้นเราจึงทำให้นัยตาของพวกเขาบอดลง
ฉะนั้นพวกเจ้าจงลิ้มรสการลงโทษของเรา และการตักเตือนของเรา
[54.38] และโดยแน่นอน
การลงโทษอันต่อเนื่องก็ได้เกิดขึ้นแก่พวกเขาในเวลาเช้า
[54.39] ฉะนั้นพวกเจ้าจงลิ้มรสการลงโทษของเรา
และการตักเตือนของเรา
[54.40] และโดยแน่นอน
เราได้ทำให้อัลกุรอานนี้เป็นที่เข้าใจง่าย แก่การรำลึก
และมีผู้ใดบ้างที่รับข้อตักเตือนนั้น
[54.41] และโดยแน่นอน
ได้มีการตักเตือนมายังวงศ์วานของฟิรเอาน์:
[54.42] พวกเขาได้ปฏิเสธสัญญาณต่าง ๆ
ของเราทั้งหมด ดังนั้นเราจึงได้ลงโทษพวกเขาซึ่งการลงโทษแห่งผู้ทรงอำนาจ
ผู้ทรงอานุภาพ
[54.43] พวกปฏิเสธศรัทธาของพวกเจ้าจะดียิ่งกว่าพวกเหล่านั้นกระนั้นหรือ? หรือว่ามีการยกเว้นโทษสำหรับพวกเจ้าระบุไว้ในคัมภีร์
[54.44] หรือพวกเขากล่าวว่า
พวกเราทั้งหมดนั้นเป็นผู้ชนะ
[54.45] พลพรรคพวกนี้จะพ่ายแพ้
และพวกเขาจะผินหลังวิ่งหนี
[54.46] แต่ว่ายามอวสาน (วันกิยามะฮ์) นั้นเป็นกำหนดเวลา
(การลงโทษ) ของพวกเขาและยามอวสานนั้นทุกข์ทรมานยิ่ง และขมขื่นยิ่ง
[54.47] แท้จริงบรรดาผู้มีความผิดนั้น
อยู่ในการหลงทาง และการเผาไหม้
[54.48]
วันที่พวกเขาจะถูกลากบนใบหน้าของพวกเขาลงสู่ไฟนรก (จะมีเสียงกล่าวขึ้นว่า)
พวกเจ้าจงลิ้มรสการลงโทษที่มีการเผาไหม้
[54.49] แท้จริงทุก ๆ
สิ่งนั้นเราสร้างมันตามสัดส่วน
[54.50] และกิจการของเรา (ในการสร้าง)
นั้นเพียง (บัญชา) ครั้งเดียว คล้ายกับชั่วพริบตาเดียว
[54.51] และโดยแน่นอน
เราได้ทำลายกลุ่มชนเช่นพวกเจ้าแล้วมีผู้ใดบ้างที่รับข้อตักเตือนนั้น
[54.52] และทุก ๆ สิ่งที่พวกเขากระทำมันนั้นมีอยู่ในบันทึก
[54.53] และทุก ๆ
สิ่งทั้งเล็กและใหญ่ก็ได้ถูกบันทึกไว้แล้ว
[54.54]
แท้จริงบรรดาผู้ยำเกรงนั้นอยู่ในสวนสวรรค์หลากหลาย และแม่น้ำหลายสาย
[54.55]
ในสถานที่อันทรงเกียรติ ณ ที่พระเจ้าผู้ทรงอานุภาพ
55. ซูเราะห์อัรรอห์มาน
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[55.1] พระผู้ทรงกรุณาปรานี
[55.2] พระองค์ทรงสอนอัลกุรอาน
[55.3] พระองค์ทรงสร้างมนุษย์
[55.4] พระองค์ทรงสอนเขาให้เปล่งเสียงพูด
[55.5] ดวงอาทิตย์
และดวงจันทร์โคจรตามวิถีที่แน่นอน
[55.6] และผักหญ้า และต้นไม้จะกราบสุญูด
[55.7] และชั้นฟ้านั้นพระองค์ทรงยกมันไว้สูง
และทรงวางความสมดุลไว้
[55.8]
เพื่อพวกเจ้าจะได้ไม่ฝ่าฝืนในเรื่องการชั่งตวงวัด
[55.9]
และจงธำรงไว้ซึ่งการชั่งด้วยความเที่ยงธรรม และอย่าให้ขาดหรือหย่อนตาชั่ง
[55.10] และแผ่นดินนั้น
พระองค์ทรงจัดเตรียมมันไว้ เพื่อสรรพสิ่งที่สร้างขึ้น
[55.11] ในแผ่นดินนั้นมีผลไม้
และต้นอินทผลัมที่มีผลซ้อนกันหลายชั้น
[55.12] และเมล็ดที่มีเปลือกและรำ
และมีกลิ่นหอม
[55.13] ดังนั้น
ด้วยบุญคุณอันใดเล่าของพระเจ้าของเจ้าทั้งสองที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ
[55.14]
พระองค์ทรงสร้างมนุษย์จากดินเหนียวมีเสียงเช่นเครื่องปั้นดินเผา
[55.15] และพระองค์ทรงสร้างญินจากเปลงไฟ
[55.16] ดังนั้น
ด้วยบุญคุณอันใดเล่าแห่งพระเจ้าของเจ้าทั้งสองที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ
[55.17]
พระเจ้าแห่งทิศตะวันออกทั้งสองและพระเจ้าแห่งทิศตะวันตกทั้งสอง
[55.18] ดังนั้น
ด้วยบุญคุณอันใดเล่าแห่งพระเจ้าของเจ้าทั้งสองที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ
[55.19] พระองค์ทรงทำให้น่านน้ำทั้งสอง
(ทะเลและแม่น้ำ) ไหลมาบรรจบกัน
[55.20] ระหว่างมันทั้งสองมีที่กั้นกีดขวาง
มันจะไม่ล้ำเขตต่อกัน
[55.21] ดังนั้น
ด้วยบุญคุณอันใดเล่าแห่งพระเจ้าของเจ้าทั้งสองที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ
[55.22]
มีไข่มุกและหินปะการังออกมาจากมันทั้งสอง
[55.23] ดังนั้น
ด้วยบุญคุณอันใดเล่าแห่งพระเจ้าของเจ้าทั้งสองที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ
[55.24] และเป็นของพระองค์คือ
เรือขนาดใหญ่ลอยเด่นอยู่ในทะเลคล้ายกับภูเขา (บนบก)
[55.25] ดังนั้น
ด้วยบุญคุณอันใดเล่าแห่งพระเจ้าของเจ้าทั้งสองที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ
[55.26] ทุก ๆ สิ่งที่อยู่บนแผ่นดินย่อมแตกดับ
[55.27]
และพระพักตร์ของพระเจ้าของเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่
ผู้ทรงโปรดปรานเท่านั้นที่จะยังคงเหลืออยู่
[55.28] ดังนั้น
ด้วยบุญอันใดเล่าแห่งพระเจ้าของเจ้าทั้งสองที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ
[55.29] ผู้ที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย
และแผ่นดินจะขอพระองค์ทุก ๆ ขณะ พระองค์ทรงมีภาระกิจ
[55.30] ดังนั้น
ด้วยบุญคุณอันใดเล่าแห่งพระเจ้าของเจ้าทั้งสองที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ
[55.31] อีกไม่ช้าเราจะจักการกับพวกเจ้า
(ในกิจการต่าง ๆ) โอ้มนุษย์และญินเอ๋ย!
[55.32] ดังนั้นด้วยบุญคุณอันใดเล่าแห่งพระเจ้าของเจ้าทั้งสองที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ
[55.33] โอ้ชุมนุมแห่งญินและมนุษย์ทั้งหลาย
เอ๋ย! หากพวกเจ้ามีความสามารถที่จะผ่านไปให้พ้นขอบฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนี้ได้
ก็จงผ่านไปให้พ้นเถิด แต่ว่าพวกเจ้าไม่สามารถที่จะผ่านไปให้พ้นได้เว้นแต่ด้วยพลัง
(พระบัญชาและพระประสงค์ของอัลลอฮ์)
[55.34]
ดังนั้นด้วยบุญคุณอันใดเล่าแห่งพระเจ้าของเจ้าทั้งสองที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ
[55.35] เปลวไฟ และทองเหลือง
จะถูกส่งมายังเจ้าทั้งสองแล้วเจ้าทั้งสองก็ไม่อาจจะป้องกันตนเองได้
[55.36]
ดังนั้นด้วยบุญคุณอันใดเล่าแห่งพระเจ้าของเจ้าทั้งสองที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ
[55.37] ครั้นเมื่อชั้นฟ้าแตกกระจายออก
มันจะกลายเป็นสีแดงคล้ายขี้ผึ้ง
[55.38] ดังนั้น
ด้วยบุญอันใดเล่าแห่งพระเจ้าของเจ้าทั้งสอง ที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ
[55.39] แล้วในวันนั้น
มนุษย์และญินจะไม่ถูกถามถึงความผิดของเขา
[55.40] ดังนั้นด้วยบุญคุณอันใดเล่า
แห่งพระเจ้าของเจ้าทั้งสอง ที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ
[55.41]
บรรดาผู้ที่มีความผิดจะเป็นที่รู้จักกันได้ที่เครื่องหมายของพวกเขา
แล้วจะถูกจับตรงผมที่ปีกหน้าผาก คือขมับและเท้า (แล้วลากลงนรก)
[55.42]
ดังนั้นด้วยบุญคุณอันใดเล่าแห่งพระเจ้าของเจ้าทั้งสอง ที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ
[55.43] นี่คือนรก
ซึ่งบรรดาผู้ที่มีความผิดปฏิเสธไม่ยอมเชื่อ
[55.44] พวกเขาจะเดินวกเวียนอยู่รอบ ๆ
ระหว่างมันกับน้ำร้อนที่เดือด
[55.45]
ดังนั้นด้วยบุญคุณอันใดเล่าแห่งพระเจ้าของเจ้าทั้งสองที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ
[55.46] และสำหรับผู้ที่ยำเกรง
ต่อการยืนหน้าพระพักตร์แห่งพระเจ้าของเขา (เขาจะได้) สวนสวรรค์สองแห่ง
[55.47]
ดังนั้นด้วยบุญคุณอันใดเล่าแห่งพระเจ้าของเจ้าทั้งสอง ที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ
[55.48] (สวนสวรรค์สองแห่งนั้น)
แผ่กิ่งก้านเขียวชอุ่ม และผลไม้หลายชนิด
[55.49] ดังนั้นด้วยบุญคุณอันใดเล่าแห่งพระเจ้าของเจ้าทั้งสองที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ
[55.50]
ในสวนสวรรค์ทั้งสองแห่งนั้นมีตาน้ำสองแห่งไหลพรั่งพรู
[55.51]
ดังนั้นด้วยบุญคุณอันใดเล่าแห่งพระเจ้าของเจ้าทั้งสองที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ
[55.52]
ในสวนสวรรค์ทั้งสองแห่งนั้นมีผลไม้ทุกชนิดเป็นสองประเภท
[55.53]
ดังนั้นด้วยบุญคุณอันใดเล่าแห่งพระเจ้าของเจ้าทั้งสองที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ
[55.54]
พวกเขานอนเอกเขนกอยู่บนฟูกนอนซึ่งซับในของมันทำด้วยไหมพรมอย่างดี
ผลไม้ของสวนทั้งสองแห่งนั้นอยู่ใกล้แค่มือเอื้อม
[55.55]
ดังนั้นด้วยบุญอันใดเล่าแห่งพระเจ้าของเจ้าทั้งสองที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ
[55.56]
ในสวนสวรรค์เหล่านั้นมีหญิงสาวพรหมจารี ผู้ลดสายตาลง (เฉพาะสามีของนางเท่านั้นป
ซึ่งไม่มีมนุษย์ และไม่มีญินแตะต้องพวกนางมาก่อนเลย
[55.57]
ดังนั้นด้วยบุญคุณอันใดเล่าแห่งพระเจ้าของเจ้าทั้งสองที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ
[55.58] คล้ายกับว่าพวกนางเป็นทับทิม
และปะการัง
[55.59] ดังนั้นบุญคุณอันใดเล่า
แห่งพระเจ้าของเจ้าทั้งสอง ที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ
[55.60]
จะมีการตอบแทนความดีอันใดเล่านอกจากความดี
[55.61] ดังนั้น
ด้วยบุญคุณอันใดเล่าแห่งพระเจ้าของเจ้าทั้งสองที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ
[55.62] และอื่นจากสวนสวรรค์ทั้งสองแห่งนั้นแล้ว
ยังมีสวนสวรรค์อีกสองแห่ง
[55.63]
ดังนั้นบุญคุณอันใดเล่าแห่งพระเจ้าของเจ้าทั้งสองที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ
[55.64] (สวนสวรรค์) ทั้งสองนั้น เขียวชอุ่ม
[55.65] ดังนั้น
ด้วยบุญคุณอันใดเล่าแห่งพระเจ้าของเจ้าทั้งสองที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ
[55.66] ในสวนสวรรค์ทั้งสองแห่งนั้น
มีตาน้ำสองแห่งที่พวยพุ่งออกมาอย่างไม่ขาดสาย
[55.67]
ดังนั้นด้วยบุญคุณอันใดเล่าแห่งพระเจ้าของเจ้าทั้งสองที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ
[55.68]
ในสวนสวรรค์ทั้งสองแห่งนั้นมีผลไม้และอินทผลัม และผลทับทิม
[55.69] ดังนั้นด้วยบุญคุณอันใดเล่าแหงพระเจ้าของเจ้าทั้งสองที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ
[55.70] ในสวนสวรรค์เหล่านั้น
มีหญิงสาวที่มีมารยาทดีสวย
[55.71]
ดังนั้นด้วยบุญคุณอันใดเล่าแห่งพระเจ้าของเจ้าทั้งสองที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ
[55.72] หญิงสาวผิวพรรณขาวผ่อง นัยตาคม
(ที่เก็บตัวเฉพาะสามีของนางเท่านั้น) อยู่ในกระโจม
[55.73] ดังนั้น
ด้วยบุญคุณอันใดเล่าแห่งพระเจ้าของเจ้าทั้งสอง ที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ
[55.74] ซึ่งไม่มีมนุษย์และไม่มีญิน
แตะต้องพวกนางมาก่อนเลย
[55.75] ดังนั้น ด้วยบุญคุณอันใดเล่า
แห่งพระเจ้าของเจ้าทั้งสองที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ
[55.76] พวกเขาจะนอนเอกเขนกบนหมอนอิงสีเขียว
และพรมที่มีลวดลายอย่างสวยงาม
[55.77] ดังนั้น
ด้วยบุญคุณอันใดเล่าแห่งพระเจ้าของเจ้าทั้งสองที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ
[55.78]
พระนามแห่งพระเจ้าของเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่ ผู้ทรงโปรดปราน ทรงจำเริญยิ่ง
56.
ซูเราะห์อัลวากิอะฮ์
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[56.1]
เมื่อเหตุการณ์ (วันกิยามะฮ์) ได้เกิดขึ้น
[56.2]
ไม่มีผู้ปฏิเสธคนใดปฏิเสธต่อเหตุการณ์ของมัน
[56.3]
ต่อเหตุการณ์นั้นทำให้ชนกลุ่มหนึ่งต่ำต้อย ชนอีกกลุ่มหนึ่งสูงส่ง
[56.4]
เมื่อแผ่นดินถูกสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
[56.5]
และบรรดาภูเขาได้แตกสลาย
[56.6]
และมันกลายเป็นผุยผงปลิวว่อน
[56.7]
และพวกเจ้าจะแยกออกเป็นสามกลุ่ม
[56.8]
คือ กลุ่มทางขวา (ผู้ได้รับบันทึกด้วยมือขวา) เจ้ารู้ไอย่างไรว่ากลุ่มทางขวาคือใคร?
[56.9]
และกลุ่มทางซ้าย (ผู้ได้รับบันทึกด้วยมือซ้าย)
เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ากลุ่มทางซ้ายคือใคร?
[56.10]
และกลุ่มแนวหน้า คือกลุ่มแนวหน้า
[56.11]
เขาเหล่านั้น คือบรรดาผู้ใกล้ชิด
[56.12]
ในสวนสวรรค์หลากหลายแห่งความสุขสำราญ
[56.13]
เป็นกลุ่มชนจำนวนมากจากชนรุ่นก่อน ๆ
[56.14]
และเป็นกลุ่มชนจำนวนน้อยจากชนรุ่นหลัง ๆ
[56.15]
โดยอยู่บนเตียงที่ประดับด้วยทองคำ
[56.16]
พวกเขานอนเอกเขนกอยู่บนนั้นโดยผินหน้าเข้าหากัน
[56.17]
มีเด็ก ๆ ที่มีอายุเช่นนั้นวนเวียนรับใช้พวกเขาตลอดไป
[56.18]
ถ้วยภาชนะใหญ่และแก้วที่มีหู และจอกใส่สุราที่ไหลรินมา
[56.19]
พวกเขาจะไม่มึนศีรษะ และไม่หมดสติเมื่อดื่มสุรานั้น
[56.20]
และผลไม้หลากชนิด ตามแต่พวกเขาจะเลือกกิน
[56.21]
และเนื้อนกที่พวกเขาอยากรับประทาน
[56.22]
และหญิงสาวที่มีนัยน์ตาคมสวยงาม
[56.23]
ประหนึ่งไข่มุกที่ถูกพิทักษ์รักษาไว้อย่างดี
[56.24]
ทั้งนี้เป็นการตอบแทนเนื่องจากความดีที่พวกเขากระทำไว้
[56.25]
ในสวนสวรรค์นั้นพวกเขาจะไม่ได้ยินคำพูดที่ไร้สาระ และเป็นบาป
[56.26]
เว้นแต่คำกล่าวที่ว่า ศานติ ศานติ
[56.27]
และกลุ่มทางขวา (ผู้ได้รับบันทึกด้วยมือขวา) เจ้ารู้ไอย่างไรว่ากลุ่มทางขวาคือใคร?
[56.28]
(พวกเขา) อยู่ภายใต้ต้นพุทราที่ไร้หนาม
[56.29]
และต้นกล้วยที่ออกผลเป็นเครือตั้งแต่ยอดจรดโคนต้น (ไม่เห็นลำต้น)
[56.30]
และร่มเงาที่แผ่กระจาย
[56.31]
และน้ำที่ไหลรินตลอดเวลา
[56.32]
และผลไม้อันมากหลาย
[56.33]
โดยไม่หมดสิ้นตามฤดูและไม่เป็นที่ต้องห้าม
[56.34]
และเตียงนอนที่ถูกยกให้สูงขึ้น
[56.35]
แท้จริงเราได้บังเกิดพวกนางเป็นกรณีพิเศษจริง ๆ
[56.36]
แล้วเราได้ทำให้พวกนางเป็นสาวพรหมจรรย์
[56.37]
เป็นที่น่ารักชื่นชมแก่คู่ครอง อยู่ในวัยสาวคราวเดียวกัน
[56.38]
สำหรับกลุ่มทางขวา (ผู้ได้รับบันทึกด้วยมือขวา)
[56.39]
(คือ) กลุ่มชนจากรุ่นก่อน ๆ
[56.40]
และกลุ่มชนจากรุ่นหลัง ๆ
[56.41]
และกลุ่มทางซ้าย (ผู้ได้รับบันทึกด้วยมือซ้าย)
เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ากลุ่มทางซ้ายคือใคร?
[56.42]
อยู่ในลมร้อนและน้ำกำลังเดือด
[56.43]
อยู่ใต้ร่มเงาของควันที่ดำทึบ
[56.44]
ไม่ร่มเย็นและไม่เป็นที่น่าชื่นชม
[56.45]
แท้จริงพวกเขาแต่กาลก่อนนั้นเป็นพวกเจ้าสำราญ
[56.46]
และพวกเขาเคยดื้อรั้นในการทำบาปใหญ่ ๆ อยู่เป็นเนือง
[56.47]
และพวกเขาเคยกล่าวว่า เมื่อเราตายไปแล้วและเราได้กลายเป็นดินผงและกระดูกป่นแล้ว
เราจะถูกให้ฟื้นคนชีพอีกกระนั้นหรือ?
[56.48]
และรวมทั้งบรรพบุรุษของเราแต่กาลก่อนนั้นด้วยหรือ?
[56.49]
จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) แท้จริงชนรุ่นก่อน ๆ และรุ่นหลัง ๆ นั้น
[56.50]
จะถูกรวบรวมไว้จนกระทั่งถึงวันอันเป็นที่รูกัน (วันกิยามะฮ์)
[56.51]
แล้วรวมทั้งพวกเจ้าอีกด้วย โอ้บรรดาผู้หลงผิด บรรดาผู้ปฏิเสธทั้งหลาย
[56.52]
แน่นอนพวกเจ้าจะเป็นผู้กินต้นซักกูม
[56.53]
และพวกเขาจะใส่มันเข้าไปเต็มท้อง
[56.54]
และพวกเขาจะดื่มน้ำกำลังเดือดตามลงไป
[56.55]
พวกเขาจะดื่ม (น้ำ) เช่นกับการดื่มของอูฐที่กระหายน้ำจัด
[56.56]
นี่คือที่พำนักของพวกเขาในวันแห่งการตอบแทน
[56.57]
เรานั้นได้สร้างพวกเจ้าขึ้นมา ไฉนเล่าพวกเจ้าจึงไม่เชื่อ (ในวันฟื้นคืนชีพ)
[56.58]
พวกเจ้าเห็นสิ่งที่พวกเจ้าหลั่งออกมา (อสุจิ) แล้วมิใช่หรือ?
[56.59]
พวกเจ้าสร้างมันขึ้นมา หรือว่าเราเป็นผู้สร้าง
[56.60]
เรานั้นเป็นผู้กำหนดความตายขึ้นในระหว่างพวกเจ้า และเราก็จะไม่ถูกขัดขวาง
[56.61]
ในการที่เราจะเปลี่ยนบุคคลเยี่ยงพวกเจ้า และเราจะให้พวกเจ้าเกิดขึ้นมาอีกในสิ่งที่พวกเจ้าไม่รู้
[56.62]
และโดยแน่นอน พวกเจ้าได้รู้มาแล้วถึงการเกิดครั้งแรก
แล้วไฉนเล่าพวกเจ้าจึงไม่ใคร่ครวญ
[56.63]
พวกเจ้าเห็นสิ่งที่พวกเจ้าหว่านมาแล้วมิใช่หรือ?
[56.64]
พวกเจ้าทำให้มันงอกเงยขึ้นมา หรือว่าเราเป็นผู้ทำให้มันงอกเงยขึ้นมา?
[56.65]
หากเราประสงค์ทำให้มันหักเป็นชิ้น ๆ แล้ว แน่นอนเราก็ย่อมทำมันได้
แล้วพวกเจ้าคงประหลาดใจ
[56.66]
(พวกเจ้าจะกล่าวขึ้นว่า) แท้จริงเราได้รับความหายนะแล้ว
[56.67]
ไม่เพียงแต่เท่านั้น เรายังขาดแคลนปัจจัยเพาะปลูกอีกด้วย
[56.68]
พวกเจ้าเห็นน้ำที่พวกเจ้าดื่มแล้วมิใช่หรือ?
[56.69]
พวกเจ้าเป็นผู้หลั่งมันลงมาจากก้อนเมฆหรือว่าเราเป็นผู้หลั่งมันลงมา
[56.70]
หากเราประสงค์ เราก็จะทำให้มันเค็มจัด แล้วไฉนเล่าพวกเจ้าจึงไม่กตัญญู?
[56.71]
พวกเจ้าเห็นไฟที่พวกเจ้าจุดขึ้นมาแล้วมิใช่หรือ
[56.72]
พวกเจ้าเป็นผู้ทำให้ต้นไม้ของมันงอกเงยขึ้นมา หรือว่าเราเป็นผู้ทำให้มันงอกขึ้นมา
[56.73]
เราได้ทำให้มันมีขึ้นเพื่อเป็นการเตือนสติและอำนวยประโยชน์แก่ผู้เดินทางรอนแรม
[56.74]
ดังนั้น เจ้าจงสดุดีด้วยพระนามแห่งพระเจ้าของเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่เถิด
[56.75]
ข้า (อัลลอฮ์) ขอสาบานด้วยตำแหน่งต่าง ๆ ของดวงดาว
[56.76]
และแท้จริงมันเป็นการสาบานอันยิ่งใหญ่ หากพวกเจ้ารู้
[56.77]
นั่นคือ กุรอานอันทรงเกียรติ
[56.78]
ซึ่งอยู่ในบันทึกที่ถูกพิทักษ์รักษาไว้
[56.79]
ไม่มีผู้ใดจะแตะต้องอัลกุรอาน นอกจากบรรดาผู้บริสุทธิ์เท่านั้น
[56.80]
ถูกประทานลงมาจากพระเจ้าแห่งสากลโลก
[56.81]
และด้วยเรื่องนี้ (อัลกุรอาน) กระนั่นหรือที่พวกเจ้าปฏิเสธเย้ยหยัน?
[56.82]
และทั้ง ๆ ที่พระองค์ทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้า
พวกเจ้าก็ยังคงปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮ์กระนั้นหรือ
[56.83]
และเมื่อวิญญาณได้มาถึงคอหอย (กำลังจะตาย) แล้วพวกเจ้าสามารถจะยับยั้งไว้ได้หรือ?
[56.84]
และในขณะนั้นพวกเจ้ากำลังมองดูกันอยู่
[56.85]
และเรานั้นอยู่ใกล้ชิดเขายิ่งกว่าพวกเจ้า แต่ทว่าพวกเจ้ามองไม่เห็น (มลาอิกะฮ์)
[56.86]
หากว่าพวกเจ้ามิได้อยู่ภายใต้อำนาจของผู้ใด
และไม่มีพระเจ้าเป็นผู้มีอำนาจเหนือพวกเจ้าแล้ว
[56.87]
ไฉนเล่า พวกเจ้าจึงไม่ให้วิญญาณกลับมาสู่ร่างอีก หากพวกเจ้าพูดจริง?
[56.88]
สำหรับผู้ที่หากว่าเขา (ผู้ตาย) เป็นผู้ใกล้ชิดกับอัลลอฮ์
[56.89]
ดังนั้น ความอิ่มเอิบสดชื่นและสวรรค์อันเป็นที่โปรดปรานจะได้แก่เขา
[56.90]
และหากว่าเขาอยู่ในกลุ่มทางขวา (ผู้ได้รับบันทึกด้วยมือขวา)
[56.91]
ดังนั้น ความปลอดภัยก็เป็นของเจ้า ในฐานะเป็นผู้อยู่ในกลุ่มทางขวา
(ผู้ได้รับบันทึกด้วยมือขวา)
[56.92]
และหากว่าเขาอยู่ในหมู่ผู้ปฏิเสธ ผู้หลงทาง
[56.93]
ดังนั้นสิ่งที่เตรียมไว้สำหรับเขาก็คือน้ำร้อนที่กำลังเดือด
[56.94]
และเปลวไฟที่ลุกไหม้
[56.95]
แท้จริงนี้แหละคือความจริงที่แน่นอน
[56.96]
ดังนั้น เจ้าจงสดุดีด้วยพระนางพระเจ้าของเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เถิด
57.
ซูเราะห์อัลหะดีด
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[57.1]
สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและในแผ่นดินต่างแซ่ซ้องสดุดีแด่อัลลอฮ์
และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ
[57.2]
อำนาจอันเด็ดขาดแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นเป็นสิทธิ์ของพระองค์
พระองค์ทรงให้เป็นและทรงให้ตาย และพระองค์เป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง
[57.3]
พระองค์ทรงเป็นองค์แรกและองค์สุดท้าย และทรงเปิดเผยและทรงเร้นลับ
และพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง
[57.4]
พระองค์คือ พระผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินในระยะ 6 วัน
แล้วพระองค์ทรงสถิตอยู่บนบัลลังก์
พระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่เข้าไปในแผ่นดินและสิ่งที่ออกมาจากแผ่นดิน
และสิ่งที่ลงมาจากฟากฟ้าและสิ่งที่ขึ้นไปสู่ฟากฟ้า และพระองค์ทรงอยู่กับพวกเจ้าไม่ว่าพวกเจ้าจะอยู่
ณ แห่งหนใด และอัลลอฮ์ทรงเห็นสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ
[57.5]
อำนาจอันเด็ดขาดแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นเป็นสิทธิ์ของพระองค์
และการงานทั้งหลายถูกให้กลับไปยังอัลลอฮ์เท่านั้น
[57.6]
พระองค์ทรงให้กลางคืนคาบเกี่ยวเข้าไปในกลางวัน และทรงให้กลางวันคาบเกี่ยวเข้าไปในกลางคืน
และพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในทรวงอก
[57.7]
พระเจ้าจงศรัทธาต่ออัลลอฮ์และร่อซู้ลของพระองค์ และจงบริจาคในทางของอัลลอฮ์
จากสิ่งที่พระองค์ทรงทำให้พวกเจ้าเป็นตัวแทนของมัน ดังนั้น
บรรดาผู้ศรัทธาและบรรดาผู้บริจาคในหมู่พวกเจ้านั้น
สำหรับพวกเขาจะได้รับรางวัลอันยิ่งใหญ่
[57.8]
และไฉนเล่าพวกเจ้าจึงไม่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ ทั้ง ๆ
ที่ร่อซู้ลได้เรียกร้องพวกเจ้าให้ศรัทธาต่อพระเจ้าของพวกเจ้า
และแน่นอนพระองค์ได้ทรงเอาสัญญากับพวกเจ้าแล้ว หากพวกเจ้าเป็นผู้ศรัทธา
[57.9]
พระองค์เป็นผู้ทรงประทานบรรดาอัลอายาตอันชัดแจ้งลงมาแก่ (มุฮัมมัด) บ่าวของพระองค์
เพื่อทรงนำพวกเจ้าออกจากความมืดทั้งหลายสู่ความสว่าง
และแท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงเอ็นดู ผู้ทรงเมตตาเสมอต่อพวกเจ้า
[57.10]
และไฉนเล่าพวกเจ้าจึงไม่บริจาคในทางของอัลลอฮ์ ทั้ง ๆ ที่มรดกแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนี้เป็นของอัลลอฮ์
ในหมู่พวกเจ้านั้นมีผู้บริจาคและได้ต่อสู้ (ในทางของอัลลอฮ์) ก่อนการพิชิต
(นครมักกะฮ์) ชนเหล่านั้นย่อมมีฐานะสูงกว่าบรรดาผู้บริจาคและต่อสู้
(ในทางของอัลลอฮ์) หลังการพิชิต (นครมักกะฮ์) และอัลลอฮ์ทรงสัญญาความดีงาม
(สวนสวรรค์) แก่ทั้งสองฝ่าย
และอัลลอฮ์นั้นทรงรอบรู้อย่างละเอียดในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ
[57.11]
ใครคือผู้ที่จะให้อัลลอฮ์ยืม (บริจาคในทางของอัลลอฮ์) ด้วยการยืมที่ดี
แล้วพระองค์ก็จะทรงเพิ่มพูนผลบุญแก่เขา และเขาจะได้รับรางวัลอันมีเกียรติ
(สวนสวรรค์)
[57.12]
วันที่เจ้าจะเห็นบรรดาผู้ศรัทธาชายและบรรดาผู้ศรัทธาหญิง
แสงสว่างของพวกเขาจะฉายแสง ณ เบื้องหน้าของพวกเขา และทางเบื้องขวาของพวกเขา
(จะมีเสียงกล่าวว่า) วันนี้มีข่าวดีแก่พวกเจ้า
คือสวนสวรรค์หลากหลายมีแม่น้ำหลายสายไหลผ่าน ณ เบื้องของมัน
โดยพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล นั่นคือชัยชนะอันยิ่งใหญ่
[57.13]
วันที่พวกมุนาฟิกีนชายและพวกมุนาฟิกีนหญิงจะกล่าวแก่บรรดาผู้ศรัทธาว่า
จงมองมายังเราเถิด เพื่อเราจะได้รับแสงสว่างของพวกท่านด้วย จะมีเสียงกล่าวว่า
จงหันหลังกลับไปทางข้างหลังของพวกเจ้าเพื่อแสวงหาเอาเอง (ขณะนั้น)
ก็จะมีกำแพงที่มีประตูบานหนึ่งมาขวางกั้นระหว่างพวกเขา
ด้านในของมันนั้นมีความเมตตา และด้านนอกของมัน (ของพวกมุนาฟิกีน) มีการลงโทษ
[57.14]
พวกเขา (พวกมุนาฟิกีน) จะร้องเรียกเขาทั้งหลาย (บรรดามุอฺมิน) ว่า
พวกเรามิได้เคยอยู่ร่วมกับพวกท่านดอกหรือ? เขาทั้งหลายกล่าวว่า แน่นอน
แต่พวกท่านได้ทำลายตัวของพวกท่านด้วยการกลับกลอกและพวกท่านคอยสิ่งที่เกิดขึ้น
(แก่บรรดามุอฺมินีน) และพวกท่านสงสัย (ในเรื่องของศาสนา)
และความหวังที่เลื่อนลอยได้หลอกลวงพวกท่าน จนกระทั่งพระบัญชาของอัลลอฮ์ได้มีมา
และมัน (ชัยฏอน) ได้ล่อลวงพวกเจ้าเกี่ยวกับอัลลอฮ์
[57.15]
ดังนั้น วันนี้การไถ่บาปจะไม่ถูกรับจากพวกเจ้า และจากบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา
ที่พำนักของพวกเจ้าคือไฟนรก มันเป็นสถานที่อันเหมาะสมแก่พวกเจ้า
และมันเป็นทางกลับที่ชั่วร้ายยิ่ง
[57.16]
ยังไม่ถึงเวลาอีกหรือสำหรับบรรดาผู้ศรัทธาที่หัวใจของพวกเขาจะนอบน้อมต่อการรำลึกถึงอัลลอฮ์
และสิ่งซึ่งได้มีลงมาคือความจริง
และพวกเขาอย่าได้เป็นเช่นบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์มาแต่ก่อนนี้
แล้วช่วงเวลาได้เนิ่นนานเกินไปแก่พวกเขา ดังนั้น จิตใจของพวกเขาจึงแข็งกระด้าง
และส่วนมากของพวกเขาจึงเป็นผู้ฝ่าฝืน
[57.17]
พึ่งทรงเถิดว่า แท้จริงอัลลอฮ์นั้น ทรงให้แผ่นดินมีชีวิตชีวาหลังจากการแห้งแล้งของมัน
แน่นอนเราได้ทำให้สัญญาณทั้งหลายแจ่มแจ้งแก่พวกเจ้าแล้ว
เพื่อพวกเจ้าจะได้ใช้สติปัญญาใคร่ครวญ
[57.18]
แท้จริงบรรดาผู้บริจาคชายและบรรดาผู้บริจาคหญิง และพวกเขาได้ให้อัลลอฮ์ยืม
(บริจาคในหนทางของอัลลอฮ์) ด้วยการยืมที่ดี จะมีเพิ่ม (ผลบุญ)
แก่พวกเขาและสำหรับพวกเขาจะได้รับรางวัลอันมีเกียรติ
[57.19]
และบรรดาผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮ์และบรรดาร่อซู้ลของพระองค์
ชนเหล่านั้นพวกเขาเป็นผู้สัตย์จริง และเป็นผู้เสียสละชีวิต ณ ที่พระเจ้าของพวกเขา
สำหรับพวกเขาจะได้รับรางวัลของพวกเขาและแสงสว่างของพวกเขา ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาและปฏิเสธสัญญาณต่าง
ๆ ของเรา ชนเหล่านั้นเป็นชาวนรก
[57.20]
พึงทราบเถิดว่า แท้จริงการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้มิใช่อื่นใด
เว้นแต่เป็นการละเล่นและการสนุกสนานร่างเริง และเครื่องประดับ
และความโอ้อวดระหว่างพวกเจ้า และการแข่งขันกันสะสมในทรัพย์สินและลูกหลาน
เปรียบเสมือนเช่นน้ำฝนที่การงอกเงยพืชผลยังความพอใจให้แก่กสิกร
แล้วมันก็เหี่ยวแห้ง เจ้าจะเห็นมันเป็นสีเหลืองแล้วมันก็กลายเป็นเศษเป็นชิ้นแห้ง
ส่วนในวันปรโลกนั้นมีการลงโทษอย่างสาหัส และมีการอภัยโทษและความโปรดปรานจากอัลลอฮ์
และการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้มิใช่อื่นใดนอกจากการแสวงหาผลประโยชน์แห่งการหลอกลวงเท่านั้น
[57.21]
จงเร่งรีบไปสู่การขออภัยโทษจากพระเจ้าของพวกเจ้า
และสวนสวรรค์ซึ่งความกว้างของมันประหนึ่งความกว้างของชั้นฟ้าและแผ่นดิน
(ซึ่งสวรรค์นั้น) ถูกเตรียมไว้สำหรับบรรดาผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮ์และบรรดาร่อซู้ลของพระองค์
นั่นคือความโปรดปรานของอัลลอฮ์
ซึ่งพระองค์จะทรงประทานมันให้แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์
และอัลลอฮ์นั้นทรงเป็นผู้โปรดปรานอันใหญ่หลวง
[57.22]
ไม่มีเคราะห์กรรมอันใดเกิดขึ้นในแผ่นดินนี้ และไม่มีแม้แต่ในตัวของพวกเจ้าเอง
เว้นแต่ได้มีไว้ในบันทึกก่อนที่เราจะบังเกิดมันขึ้นมา
แท้จริงนั่นมันเป็นการง่ายสำหรับอัลลอฮ์
[57.23]
เพื่อพวกเจ้าจะได้ไม่ต้องเสียใจต่อสิ่งที่ได้สูญเสียไปจากพวกเจ้า
และไม่ดีใจต่อสิ่งที่พระองค์ทรงประทานแก่พวกเจ้า
และอัลลอฮ์มิทรงชอบทุกผู้หยิ่งจองหอง และผู้คุยโวโอ้อวด
[57.24]
คือบรรดาผู้ที่ตระหนี่และสั่งสอนคนอื่นให้ตระหนี่ และผู้ที่ผินหลังให้
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นพระองค์ทรงพอเพียงและทรงได้รับการสรรเสริญอย่างแน่นอน
[57.25]
โดยแน่นอน เราได้ส่งบรรดาร่อซู้ลของเราพร้อมด้วยหลักฐานทั้งหลายอันชัดแจ้ง
และเราได้ประทานคัมภีร์และความยุติธรรมลงมาพร้อมกับพวกเขา เพื่อมนุษย์จะได้ดำรงอยู่บนความเที่ยงธรรม
และเราได้ให้มีเหล็กขึ้นมา เพราะในนั้นมีความแข็งแกร่งมาก
และมีประโยชน์มากหมายสำหรับมนุษย์
และเพื่ออัลลอฮ์จะได้ทรงรู้ถึงผู้ที่ช่วยเหลือพระองค์ และบรรดาร่อซู้ลของพระองค์
(มีความเชื่อมั่น) โดยทางลับ (ต่อพระองค์) แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นทรงพลัง
ผู้ทรงอำนาจ
[57.26]
(ขอสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮ์) โดยแน่นอนเราได้ส่งนูห์และอิบรอฮีม
และเราได้ทำให้ลูกหลานของเขาทั้งสองเป็นนบี และเราได้ประทานคัมภีร์ (อัตเตารอฮ์
อัซซะบูร อัลอินญีล และอัลกุรอาน) ดังนั้น บางคนในหมู่พวกเขาก็เป็นผู้อยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง
และส่วนมากในหมู่พวกเขาก็เป็นผู้ฝ่าฝืนหลงทาง
[57.27]
แล้วเราก็ได้ส่งบรรดาร่อซู้ลของเราติดตามร่องรอยของพวกเขา และเราได้ส่งอีซา อิบน
มัรยัมตามมา และเราได้ประทานอินญีลให้แก่เขา
และเราได้บันดาลความสงสารและความเมตตาให้เกิดขึ้นในจิตใจของบรรดาผู้ที่เชื่อฟังปฏิบัติตามเขา
ส่วนการถือสันโดษนั้น เรามิได้บัญญัติมันขึ้นมาแก่พวกเขา (เว้นแต่)
พวกเขาประดิษฐ์มันขึ้นมา เพื่อแสวงหาความโปรดปรานของอัลลอฮ์
แต่พวกเขามิได้เอาใจใส่เท่าที่ควรจะกระทำมัน กระนั้นก็ดี
เราก็ได้ประทานรางวัลของพวกเขาแก่บรรดาผู้ศรัทธาในหมู่พวกเขา
แต่ส่วนมากของพวกเขาเป็นผู้ฝ่าฝืน
[57.28]
โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงยำเกรงต่ออัลลอฮ์และจงศรัทธาต่อร่อซู้ลของพระองค์เถิด
พระองค์จะทรงประทานความเมตตาของพระองค์ให้แก่พวกเจ้าสองเท่า
และจะทรงให้มีแสงสว่างแก่พวกเจ้า เพื่อพวกเจ้าจะได้ดำเนินชีวิตด้วยมัน และจะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเจ้า
และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ
[57.29]
ทั้งนี้เพื่อให้อะฮ์ลุลกิตาบจะได้รู้ว่า
พวกเขาไม่มีอำนาจเหนือสิ่งใดในความโปรดปรานของอัลลอฮ์
และแท้จริงความโปรดปรานนั้นอยู่ในเงื้อมพระหัตถ์ของอัลลอฮ์
ซึ่งพระองค์จะทรงประทานความโปรดปรานนั้นแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์
และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงโปรดปรานอันใหญ่หลวง
[สิ้นสุดญุซอ์ที่ 27]
ป้ายกำกับ: กอละ ฟะมา คุฏบุกุม, ญุซอ์ที่ 27
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]
<< หน้าแรก