วันอาทิตย์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2560

อัลกุรอานญุซอ์ที่ 30

ญุซอ์ที่ 30



78. ซูเราะห์อันนะบะอ์

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[78.1] พวกเขาต่างถามกันถึงเรื่องอะไร
[78.2] (ถาม) ถึงข่าวอันยิ่งใหญ่สำคัญ
[78.3] ซึ่งเป็นข่าวที่พวกเขาขัดแย้งกันอยู่
[78.4] เปล่าเลย พวกเขาจะได้รู้
[78.5] แล้วก็เปล่าเลย พวกเขาจะได้รู้
[78.6] เรามิได้ทำให้แผ่นดินเป็นพื้นราบดอกหรือ
[78.7] และมิได้ให้เทือกเขาเป็นหลักตรึงไว้ดอกหรือ
[78.8] และเราได้บังเกิดพวกเจ้าให้เป็นคู่ครองกัน
[78.9] และเราได้ทำให้การนอนของพวกเจ้าเป็นการพักผ่อน
[78.10] และเราได้ทำให้กลางคืนคล้ายเครื่องปกปิดร่างกาย
[78.11] และเราได้ทำให้กลางวันเป็นที่แสวงหาเครื่องยังชีพ
[78.12] และเราได้สร้างไว้เหนือพวกเจ้าสิ่งที่แข็งแรงทั้งเจ็ด (ชั้นฟ้า)
[78.13] และเราได้ทำให้มีดวงประทีปหนึ่งมีแสงสว่างจ้า
[78.14] และเราได้หลั่งน้ำลงมาอย่างมากมายจากเมฆฝน
[78.15] เพื่อว่าเราจะให้งอกเงยด้วยน้ำนั้นซึ่งเมล็ดพืชและพืชผัก
[78.16] และบรรดาเรือกสวนอันหนาแน่น
[78.17] แท้จริงวันแห่งการตัดสินนั้นเป็นเวลาที่ถูกกำหนดไว้
[78.18] วันที่แตรจะถูกเป่า แล้วพวกเจ้าก็จะมากันเป็นหมู่ ๆ
[78.19] และชั้นฟ้าจะถูกเปิดออก แล้วก็จะมีประตูหลายบาน
[78.20] และเทือกเขาจะถูกให้เคลื่อนออกไปแล้วก็กลายเป็นภาพลวง
[78.21] แท้จริงนรกญะฮันนัมนั้นเป็นที่สอดส่อง
[78.22] เป็นที่กลับไปสำหรับบรรดาผู้ละเมิด
[78.23] พวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นเป็นเวลานาน
[78.24] พวกเขาจะไม่ได้ลิ้มรสความเย็นและเครื่องดื่มใด ๆ ในนรกนั้น
[78.25] นอกจากน้ำเดือดและน้ำเลือดน้ำหนองเท่านั้น
[78.26] ทั้งนี้เป็นการตอบแทนอย่างคู่ควร
[78.27] เพราะพวกเขามิได้หวังว่าจะมีการชำระสอบสวน
[78.28] และพวกเขาปฏิเสธสัญญาณต่าง ๆ ของเราอย่างสิ้นเชิง
[78.29] และทุก ๆ สิ่งนั้นเราได้จารึกมันไว้อย่างครบถ้วนในบันทึก
[78.30] ดังนั้น พวกเจ้าจงลิ้มรส (การลงโทษ) เถิด เราจะไม่เพิ่มอันใดแก่พวกเจ้านอกจากการทรมานเท่านั้น
[78.31] แท้จริงสำหรับบรรดาผู้ยำเกรงนั้นจะได้รับชัยชนะ
[78.32] เรือกสวนหลากหลายและองุ่น
[78.33] และบรรดาสาววัยรุ่นที่มีอายุคราวเดียวกัน
[78.34] และแก้วที่มีเครื่องดื่มเต็มเปี่ยม
[78.35] ในสวนสวรรค์นั้นพวกเขาจะไม่ได้ยินคำพูดไร้สาระและคำกล่าวเท็จ
[78.36] ทั้งนี้เป็นการประทานให้อย่างพอเพียง
[78.37] พระเจ้าแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และสิ่งที่อยู่ในระหว่างทั้งสอง คือพระผู้ทรงกรุณาปรานี พวกเขาไม่มีอำนาจที่จะกล่าวคำพูดใด ๆ ต่อพระองค์
[78.38] วันซึ่งญิบรีลและมลาอิกะฮ์จะยืนเป็นแถวเดียวกัน พวกเขาจะไม่พูด นอกจากผู้ที่พระผู้ทรงกรุณาปรานีทรงอนุญาตให้แก่เขา และเขาจะพูดแต่สิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น
[78.39] นั่นคือวันแห่งความจริง ดังนั้น ผู้ใดประสงค์ก็ให้เขายึดทางกลับไปสู่พระเจ้าของเขาเถิด
[78.40] แท้จริงเราได้เตือนพวกเจ้าแล้วถึงการลงโทษอันใกล้ วันที่มนุษย์จะมองไปยังสิ่งที่สองมือของเขาได้ประกอบไว้ และผู้ปฏิเสธศรัทธาจะกล่าวว่า โอ้ถ้าฉันเป็นฝุ่นดินเสียก็จะดี

79. ซูเราะห์อันนาซิอ๊าต

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[79.1] ขอสาบานด้วย (มลาอิกะฮ์) ผู้ฉุดกระชาก (วิญญาณของผู้ปฏิเสธศรัทธา) อย่างแรง
[79.2] ขอสาบานด้วย (มลาอิกะฮ์) ผู้ชัก (วิญญาณของผู้ศรัทธา) อย่างแผ่วเบา
[79.3] ขอสาบานด้วย (มลาอิกะฮ์) ที่แหวกว่ายในท้องนภากาศ
[79.4] แล้วพวกเขา (มลาอิกะฮ์) ผู้รีบรุดหน้าไปอย่างว่องไว
[79.5] แล้วพวกเขา (มลาอิกะฮ์) ผู้บริหารกิจการ
[79.6] วันซึ่งการเป่าสังข์ครั้งแรกทำให้สั่นสะเทือน
[79.7] การเป่าสังข์ครั้งสองจะติดตามมา
[79.8] ในวันนั้นดวงจิตทั้งหลายจะตระหนก
[79.9] สายตาของพวกเขาจะละห้อย
[79.10] พวกเขาจะกล่าวว่า พวกเราจะถูกให้กลับไปอยู่ในสภาพเดิมอีกกระนั้นหรือ
[79.11] เมื่อเราได้กลายเป็นกระดูกที่ผุแล้วกระนั้นหรือ
[79.12] พวกเขากล่าวว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นก็เป็นการกลับไปที่ขาดทุน
[79.13] ความจริงมันเป็นเพียงเสียงก้อนครั้งเดียวเท่านั้น
[79.14] แล้วเมื่อนั้นพวกเขาก็จะออกมายังที่ราบโล่ง
[79.15] เรื่องราวของมูซาได้มาถึงได้มาถึงเจ้าแล้วมิใช่หรือ
[79.16] ขณะที่พระเจ้าของเขาทรงเรียกเขาที่หว่างหุบเขาฏวาอันบริสุทธิ์
[79.17] เจ้าจงไปหาฟิรเอาน์เพราะเขาละเมิดฝ่าฝืน
[79.18] แล้วจงกล่าวว่า ท่านประสงค์จะซักฟอกไหม
[79.19] และจะให้ฉันนำท่านไปสู่พระเจ้าของท่านไหม เพื่อท่านจะได้ยำเกรง
[79.20] แล้วมูซาก็แสดงให้เขาเห็นสัญญาณอันยิ่งใหญ่
[79.21] แต่เขาได้ปฏิเสธและดื้นดัน
[79.22] แล้วเขาก็ผินหลังกลับหนีออกไปอย่างเร็ว
[79.23] แล้วเขาก็ได้เรียกชุมนุม แล้วประกาศออกไป
[79.24] แล้วกล่าวว่า ฉันคือพระเจ้าสูงสุดของพวกท่าน
[79.25] ดังนั้นอัลลอฮ์จึงคร่าเขาเป็นการลงโทษที่เป็นแบบอย่างทั้งในปรโลกและในโลกนี้
[79.26] แท้จริงในการนี้ย่อมเป็นข้อเตือนใจสำหรับผู้ยำเกรงของอัลลอฮ์
[79.27] พวกเจ้าลำบากยิ่งในการสร้างกระนั้นหรือ หรือว่าชั้นฟ้าที่พระองค์ทรงสร้างมัน
[79.28] พระองค์ทรงยกให้มันสูงขึ้นแล้วทรง ทำให้มันสมบูรณ์
[79.29] และทรงทำให้กลางคืนของมันมืดทึบ และทรงทำให้ความสว่างของมันออกมา
[79.30] และหลังจากนั้นทรงทำให้แผ่นดินเป็นพื้นราบเรียบ
[79.31] ทรงให้ออกมาจากแผ่นดินเป็นน้ำของมัน และทุ่งหญ้าของมัน
[79.32] ส่วนเทือกเขานั้นทรงทำให้มันมั่นคง
[79.33] ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยยังชีพสำหรับพวกเจ้า และสำหรับปศุสัตว์ของพวกเจ้า
[79.34] ดังนั้นเมื่อความหายนะอันใหญ่หลวงได้เกิดขึ้น
[79.35] เป็นวันที่มนุษย์จะนึกถึงสิ่งที่เขาได้ขวนขวายไว้
[79.36] และนรกหรือเปลวไฟจะถูกเผยให้แก่ผู้ที่มองมัน
[79.37] ส่วนผู้ที่ละเมิดฝ่าฝืนนั้น
[79.38] และเขาได้เลือกเอาการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้
[79.39] ดังนั้นนรกหรือเปลวไฟคือที่พำนักของเขา
[79.40] และส่วนผู้ที่หวาดหวั่นต่อการยืนเบื้องหน้าพระเจ้าของเขา และได้หน่วงเหนี่ยวจิตใจจากกิเลสต่ำ
[79.41] ดังนั้นสวนสวรรค์ก็จะเป็นที่พำนักของเขา
[79.42] พวกเขาจะถามเจ้าถึงยามอวสาน (วันกิยามะฮ์) ว่า เมื่อใดเล่ามันจะเกิดขึ้น
[79.43] ด้วยเหตุอันใดเจ้าจึงชอบกล่าวถึงมันนัก
[79.44] ยังพระเจ้าของเจ้าเท่านั้นคือวาระ
[79.45] ความจริงเจ้าเป็นแต่เพียงผู้ตักเตือนแก่คนที่หวาดหวั่นมัน (วันกิยามะฮ์) เท่านั้น
[79.46] วันที่พวกเขาจะเห็นมัน (วันกิยามะฮ์) ประหนึ่งว่าพวกเขามิได้พำนักอยู่โลกนี้เว้นแต่เพียงชั่วครู่หนึ่งของยามเย็นและยามเช้าของมันเท่านั้น

80. ซูเราะห์อะบะซะ

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[80.1] เขา (มุฮัมมัด) ทำหน้าบึ้ง และผินหน้าไปทางอื่น
[80.2] เพราะชายตาบอดมาหาเขา
[80.3] และอะไรเล่าที่จะให้เจ้ารู้ หวังว่าเขาจะมาเพื่อซักฟอกจิตใจก็ได้
[80.4] หรือเพื่อรับคำตักเตือน เพื่อที่คำตักเตือนนั้นจะเป็นประโยชน์แก่เขา
[80.5] ส่วนผู้ที่พอเพียงแล้ว
[80.6] เจ้ากลับต้อนรับขับสู้
[80.7] และไม่ใช่หน้าที่ของเจ้า การที่เขาไม่ซักฟอก
[80.8] และส่วนผู้ที่มาหาเจ้าด้วยความพยายาม
[80.9] และเขามีความกลัวเกรง
[80.10] เจ้ากลับเมินเฉย
[80.11] มิใช่เช่นนั้น แท้จริงมันเป็นข้อเตือนใจ
[80.12] ดังนั้นผู้ใดประสงค์ก็ให้รำลึกถึงข้อเตือนใจนั้น
[80.13] ซึ่งมีอยู่ในคัมภีร์อันทรงเกียรติ
[80.14] ที่ได้รับการเทิดทูน ได้รับความบริสุทธิ์
[80.15] ด้วยมือของมลาอิกะฮ์
[80.16] ผู้ทรงเกียรติ ทรงคุณธรรม
[80.17] มนุษย์นั้นถูกสังหารเสียก็ดี เขาช่างเนรคุณเสียนี่กระไร
[80.18] จากสิ่งใดเล่าพระองค์ทรงบังเกิดเขามา
[80.19] จากเชื้ออสุจิหยดหนึ่งพระองค์ทรงบังเกิดเขา แล้วก็กำหนดสภาวะแก่เขา
[80.20] แล้วพระองค์ก็ทรงแผ้วทางให้สะดวกแก่เขา
[80.21] ต่อมาพระองค์ให้เขาตายไป แล้วให้เขาลงหลุม
[80.22] ครั้นเมื่อพระองค์ทรงประสงค์ ก็ทรงให้เขาฟื้นคืนชีพ
[80.23] มิใช่เช่นนั้น เขามิได้ปฏิบัติในสิ่งที่พระองค์ทรงใช้เขา
[80.24] มนุษย์จงพิจารณาดูอาหารของเขาซิ
[80.25] เราได้หลั่งน้ำฝนลงมามากมายอย่างไร
[80.26] แล้วเราได้แยกแผ่นดินออกไป
[80.27] และเราได้ให้เมล็ดพืชงอกเงยขึ้นจากในแผ่นดิน
[80.28] และองุ่นและพืชผัก
[80.29] และมะกอกและอินทผลัม
[80.30] และเรือกสวนที่หนาทึบ
[80.31] และผลไม้และทุ่งหญ้า
[80.32] ทั้งนี้เพื่อเป็นประโยชน์แก่พวกเจ้าและสัตว์เลี้ยงของพวกเจ้า
[80.33] ครั้นเมื่อเสียงกัมปนาทมาถึง
[80.34] วันที่ผู้คนจะหนีจากพี่น้องของเขา
[80.35] และจากแม่ของเขา และพ่อของเขา
[80.36] และจากภริยาของเขา และลูก ๆ ของเขา
[80.37] สำหรับแต่ละคนในหมู่พวกเขาในวันนั้น มีภาระพอตัวเขาอยู่แล้ว
[80.38] หลายใบหน้าในวันนั้นแจ่มใส
[80.39] หัวเราะดีใจร่าเริง
[80.40] และหลายใบหน้าในวันนั้นมีฝุ่นจับ
[80.41] ความหม่นหมองจะปกคลุมบนใบหน้านั้น
[80.42] ชนเหล่านั้นคือพวกปฏิเสธศรัทธาพวกประพฤติชั่ว

81. ซูเราะห์อัตตักวีร

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[81.1] เมื่อดวงอาทิตย์ถูกม้วนดับแสงลง
[81.2] และเมื่อบรรดาดวงดาวร่วงหล่นลงมากระจัดกระจาย
[81.3] และเมื่อบรรดาภูเขาถูกเคลื่อนย้าย
[81.4] และเมื่ออูฐท้องสิบเดือนถูกทอดทิ้ง
[81.5] และเมื่อสัตว์ถูกนำมารวมกัน
[81.6] และเมื่อทะเลลุกเป็นไฟ
[81.7] และเมื่อชีวิตทั้งหลายถูกจัดเป็นคู่
[81.8] และเมื่อทารกหญิงที่ถูกฝังทั้งเป็นถูกถาม
[81.9] ด้วยความผิดอันใดเขาจงถูกฆ่า
[81.10] และเมื่อบันทึกทั้งหลายถูกกางแผ่
[81.11] และเมื่อชั้นฟ้าถูกเลิกออก
[81.12] และเมื่อนรกถูกจุดให้ลุกสว่างจ้า
[81.13] และเมื่อสวรรค์ถูกนำมาใกล้
[81.14] ทุกชีวิตย่อมรู้สิ่งที่ตนได้นำมา
[81.15] ข้าสาบานต่อดวงดาวที่ซ่อนตัวในเวลากลางวัน
[81.16] ที่โคจรลับดวง
[81.17] ข้าสาบานด้วยกลางคืนเมื่อมันเหือดหายไป
[81.18] และด้วยเวลาเช้าตรู่เมื่อมันทอแสง
[81.19] แท้จริง อัลกุรอานคือคำพูดของร่อซู้ล (ญิบรีล) ผู้ทรงเกียรติ
[81.20] ผู้ทรงพลัง ผู้ทรงตำแหน่งสูง ณ พระเจ้าแห่งบัลลังก์
[81.21] ผู้ใดรับการจงรักภักดี ผู้ซื่อสัตย์ ณ ที่โน้น
[81.22] และสหาย (มุฮัมมัด) ของพวกเจ้านั้นมิใช่เป็นคนวิกลจริตแต่ประการใด
[81.23] และโดยแน่นอนเขา (มุฮัมมัด) ได้เห็นเขา (ญิบรีล) ณ ขอบฟ้าอย่างชัดแจ้ง
[81.24] และเขา (มุฮัมมัด) มิใช่เป็นผู้ตระหนี่ในเรื่องเร้นลับ
[81.25] และอัลกุรอานนี้มิใช่คำกล่าวของชัยตอนที่ถูกสาปแช่ง
[81.26] แล้วพวกเจ้าจะไปทางไหนเล่า
[81.27] อัลกุรอานนั้นมิใช่อื่นใด นอกจากเป็นข้อตักเตือนแก่ประชาชาติทั้งมวล
[81.28] สำหรับบุคคลในหมู่พวกเจ้าที่ประสงค์อยู่ในทางอันเที่ยงตรง
[81.29] และพวกเจ้าจะไม่สมประสงค์สิ่งใดเว้นแต่อัลลอฮ์พระเจ้าแห่งสากลโลกจะทรงประสงค์

82. ซูเราะห์อัลอิมฟิฏอร

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[82.1] เมื่อชั้นฟ้าได้แตกแยกออก
[82.2] และเมื่อบรรดาดวงดาวร่วงหล่นลงมากระจัดกระจาย
[82.3] และเมื่อทะเลถูกให้เอ่อล้น
[82.4] และเมื่อหลุมฝังศพถูกพลิกกลับ
[82.5] ทุกชีวิตจะรู้สิ่งที่ตนได้กระทำไปแล้ว และสิ่งที่ได้กระทำภายหลัง
[82.6] โอ้มนุษย์เอ๋ย อะไรเล่าที่ล่อลวงเจ้า (ให้หันห่าง) จากพระเจ้าของเจ้าผู้ทรงเกื้อกูล
[82.7] ผู้ทรงบังเกิดเจ้า แล้วทรงทำให้เจ้าสมบูรณ์ แล้วก็ทรงทำให้เจ้าสมส่วน
[82.8] ในรูปใดที่พระองค์ทรงประสงค์ ก็จะทรงประกอบเจ้าขึ้น
[82.9] มิใช่เช่นนั้น แต่ว่าพวกเจ้าปฏิเสธวันแห่งการตอบแทนต่างหาก
[82.10] และแท้จริงมีผู้คุ้มกันรักษาพวกเจ้าอยู่
[82.11] คือ (มลาอิกะฮ์) ผู้ทรงเกียรติเป็นผู้บันทึก
[82.12] พวกเขารู้ในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ
[82.13] แท้จริงบรรดาผู้ทรงคุณธรรมนั้นจะอยู่ในความโปรดปราน
[82.14] และแท้จริงบรรดาคนชั่วจะอยู่ในนรกที่ลุกโซน
[82.15] พวกเขาจะเข้าไปอยู่ในกองไฟนั้นในวันแห่งการตอบแทน
[82.16] และพวกเขาจะไม่เป็นผู้ออกจากมัน (อยู่ในกองไฟตลอดไป)
[82.17] และอันใดเล่าทำให้เจ้ารู้ได้ว่า วันแห่งการตอบแทนนั้นคืออะไร
[82.18] แล้วอันใดเล่าทำให้เจ้ารู้ได้ว่า วันแห่งการตอบแทนนั้นคืออะไร
[82.19] วันที่ชีวิตหนึ่งไม่มีสิทธิ์ที่จะช่วยเหลืออย่างใดแก่อีกชีวิตหนึ่งได้ และกิจการในวันนั้นเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮ์

83. ซูเราะห์อัลมุฏ็อฟฟิฟีน

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[83.1] ความหายนะจงประสบแด่บรรดาผู้ทำให้พร่อง (ในการตวงและการชั่ง)
[83.2] คือบรรดาผู้ที่เมื่อพวกเขาตวงเอาจากคนอื่นก็ตวงเอาเต็ม
[83.3] และเมื่อพวกเขาตวงหรือชั่งให้คนอื่นก็ทำให้ขาด
[83.4] ชนเหล่านั้นมิได้คิดบ้างหรือว่าพวกเขาจะถูกให้ฟื้นคืนชีพ
[83.5] สำหรับวันอันยิ่งใหญ่
[83.6] วันที่มนุษย์จะยืนต่อหน้าพระเจ้าแห่งสากลโลก
[83.7] มิใช่เช่นนั้น แท้จริงบันทึกของบรรดาคนชั่วนั้นอยู่ในสิจญีน
[83.8] และอันใดเล่าทำให้เจ้ารู้ได้ว่าสิจญีนนั้นคืออะไร
[83.9] คือบันทึกที่ถูกจารึกไว้
[83.10] ความหายนะในวันนั้นจงประสบแด่บรรดาผู้ปฏิเสธ
[83.11] คือบรรดาผู้ปฏิเสธวันแห่งการตอบแทน
[83.12] และไม่ไม่ใครปฏิเสธวันแห่งการตอบแทนนั้น นอกจากทุกคนที่ละเมิดที่กระทำความผิด
[83.13] เมื่อบรรดาอายาตของเราถูกอ่านแก่เขา เขาจะกล่าวว่านี่คือนิยายเหลวไหวสมัยก่อน
[83.14] มิใช่เช่นนั้น แต่ว่าสิ่งที่พวกเขาได้ขวนขวายไว้นั้นได้เป็นสนิมบนหัวใจของพวกเขา
[83.15] มิใช่เช่นนั้น แท้จริงพวกเขาในวันนั้นจะถูกกั้นจากพระเจ้าของพวกเขา
[83.16] แล้วแท้จริงพวกเขาจะเข้าไปอยู่ในนรกที่มีเปลวไฟลุกโซน
[83.17] แล้วจะมีเสียงกล่าวขึ้นว่า นี่คือสิ่งที่พวกเจ้าได้ปฏิเสธมันไว้
[83.18] มิใช่เช่นนั้น แท้จริงบันทึกของบรรดาผู้ทรงคุณธรรมอยู่ในอิลลียีนอย่างแน่นอน
[83.19] และอันใดเล่าทำให้เจ้ารู้ได้ว่าอิลลียีนคืออะไร
[83.20] คือบันทึกที่ถูกจารึกไว้
[83.21] บรรดาผู้ที่อยู่ใกล้ชิด (มลาอิกะฮ์) จะเป็นผู้ดูแลรักษา
[83.22] แท้จริงบรรดาผู้ทรงคุณธรรมจะอยู่ในความโปรดปรานอย่างแน่นอน
[83.23] พวกเขาจะมองดูจากบนเตียง
[83.24] เจ้าจะรู้ได้ถึงการมีความสดชื่นแห่งความสุขสำราญที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของพวกเขา
[83.25] พวกเขาจะได้ดื่มสุราอันบริสุทธิ์ ซึ่งถูกผนึกไว้
[83.26] ที่ใช้ผนึกมันนั้นคือชะมดเชียง และในการนี้บรรดาผู้แข่งขัน (ที่จะให้ได้มาซึ่งความสุขสำราญนี้) จงแข่งขันกันเถิด
[83.27] ที่ใช้ผสมสุรานั้นมาจากตัสนีม
[83.28] คือตาน้ำแห่งหนึ่งซึ่งบรรดาผู้ใกล้ชิด (อัลลอฮ์) เท่านั้นจะได้ดื่มมัน
[83.29] แท้จริงบรรดาผู้กระทำผิดนั้น เคยหัวเราะเยาะบรรดาผู้ศรัทธา
[83.30] และเมื่อบรรดาผู้ศรัทธาเดินผ่านพวกเขาไป พวกเขาจะหลิ่วตาเย้ยหยัน
[83.31] และเมื่อพวกเขากลับไปยังพวกพ้องของพวกเขา พวกเขาก็กลับไปอย่างตลกคะนอง
[83.32] และเมื่อพวกเขาเห็นบรรดาผู้ศรัทธาพวกเขาก็กล่าวว่า แท้จริงชนเหล่านี้เป็นผู้หลงทางแน่นอน
[83.33] และพวกเขา (ผู้ปฏิเสธศรัทธา) มิได้ถูกส่งมาเพื่อเป็นผู้ปกปักรักษาผู้ศรัทธาเหล่านั้น
[83.34] ดังนั้น วันนี้บรรดาผู้ศรัทธาก็จะหัวเราะเยาะพวกปฏิเสธศรัทธาบ้าง
[83.35] พวกเขา (บรรดาผู้ศรัทธา) จะมองดูอยู่บนเตียง
[83.36] บรรดาผู้ปฏิเสธจะได้รับการตอบแทนตามที่ได้ปฏิบัติมามิใช่หรือ

84. ซูเราะห์อัลอินชิก๊อก

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[84.1] เมื่อชั้นฟ้าได้แตกแยกออก
[84.2] และมันได้เชื่อฟังพระเจ้าของมันและมันจำต้องกระทำเช่นนั้น
[84.3] และเมื่อแผ่นดินถูให้แผ่กว้าง
[84.4] และมันได้ปลดเปลื้องสิ่งที่อยู่ในมันออกมา และมันก็ว่างเปล่า
[84.5] และมันได้เชื่อฟังพระเจ้าของมัน และมันจำต้องกระทำเช่นนั้น
[84.6] โอ้มนุษย์เอ๋ย แท้จริงเจ้าต้องพากเพียรไปสู่พระเจ้าของเจ้าอย่างทรหดอดทนแล้วเจ้าจึงจะพบพระองค์
[84.7] ส่วนผู้ที่ถูกยื่นบันทึกของเขาให้ทางเบื้องขวาของเขา
[84.8] เขาก็จะถูกชำระสอบสวนอย่างง่ายดาย
[84.9] และเขาจะกลับไปยังครอบครัวของเขาด้วยความดีใจ
[84.10] และส่วนผู้ที่ถูกยื่นบันทึกของเขาให้ทางเบื้องหลังของเขา
[84.11] แล้วเขาก็จะร้องเรียกหาความหายนะ
[84.12] และเขาจะเข้าไปในเปลวเพลิง
[84.13] แท้จริงเขา (ในโลกดุนยา) เคยว่าเริงอยู่กับครอบครัวของเขา
[84.14] แท้จริงเขาคิดว่าเขาจะไม่กลับมา (หาอัลลอฮ์) อีกเป็นอันขาด
[84.15] พึงรู้เถิดว่า แท้จริงพระเจ้าของเขาทรงสอดส่องเขาอยู่เสมอ
[84.16] ข้าขอยืนยันการสาบานด้วยยามตะวันยอแสง
[84.17] และด้วยกลางคืนที่มันรวมให้ชุมนุมกัน
[84.18] และด้วยดวงจันทร์เมื่อมันเต็มดวง
[84.19] แน่นอนพวกเจ้าจะต้องเผชิญกับสภาพหนึ่งหลังจากอีกสภาพหนึ่ง
[84.20] มีอะไรเกิดขึ้นแก่พวกเขา พวกเขาจึงไม่ศรัทธา
[84.21] และเมื่ออัลกุรอานได้ถูกอ่านให้พวกเขาฟัง พวกเขาก็ไม่สุญูด
[84.22] แต่ตรงกันข้ามพวกปฏิเสธศรัทธานั้นพวกเขาไม่ยอมศรัทธา
[84.23] และอัลลอฮ์ทรงรู้ดียิ่งในสิ่งที่พวกเขาปิดปังไว้
[84.24] ดังนั้นเจ้า (มุฮัมมัด) จงแจ้งแก่พวกเขาถึงการลงโทษอันเจ็บปวด
[84.25] นอกจากบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลาย สำหรับพวกเขาจะได้รับรางวัล (การตอบแทน) อย่างไม่มีสิ้นสุด

85. ซูเราะห์อัลบุรู๊จญ์

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[85.1] ขอสาบานด้วยชั้นฟ้าที่เกลื่อนกลาดด้วยดวงดาว
[85.2] และด้วยวันที่ถูกสัญญาไว้
[85.3] และด้วยผู้เป็นพยานและผู้ที่ถูกเป็นพยาน
[85.4] บรรดาเจ้าของหลุมพรางถูกสาปแช่ง
[85.5] ไฟที่เต็มไปด้วยเชื้อเพลิง
[85.6] ขณะที่พวกเขานั่งอยู่ตรงหน้าไฟ
[85.7] และพวกเขารู้เห็นเป็นพยานต่อสิ่งที่บรรดาลูกน้องกระทำกับบรรดาผู้ศรัทธา
[85.8] และพวกเขามิได้แก้แค้นเขาเหล่านั้นเว้นแต่ว่าเขาเหล่านั้นศรัทธาต่อัลลอฮ์ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ
[85.9] ผู้ซึ่งกรรมสิทธิ์แห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของพระองค์ และอัลลอฮ์นั้นทรงเป็นพยานต่อทุกสิ่งอย่าง
[85.10] แท้จริงพวกที่ประหัตประหารบรรดาผู้ศรัทธาชายและบรรดาผู้ศรัทธาหญิง แล้วพวกเขามิได้สำนึกผิดกลับตัวนั้น พวกเขาจะได้รับการลงโทษแห่งนรกญะฮันนัม และพวกเขาจะได้รับการลงโทษแห่งการเผาไหม้
[85.11] แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธาและประกอบความดีทั้งหลาย พวกเขาจะได้รับสวนสวรรค์หลากหลาย ณ เบื้องล่างของมันมีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน นั่นคือชัยชนะอันใหญ่หลวง
[85.12] แท้จริงการลงโทษอย่างรุนแรงแห่งพระเจ้านั้นแข็งกร้าวยิ่งนัก
[85.13] แท้จริงพระองค์คือผู้ทรงให้บังเกิดครั้งแรก และทรงให้กลับฟื้นคืนชีพขึ้นอีก
[85.14] และพระองค์ผู้ทรงอภัยโทษผู้ทรงรักใคร่ปรานี
[85.15] เจ้าของบัลลังก์อันรุ่งโรจน์
[85.16] ผู้ทรงกระทำอย่างเด็ดขาดตามที่พระองค์ทรงประสงค์
[85.17] ได้มีเรื่องราวของไพร่พลมายังเจ้าแล้วมิใช่หรือ
[85.18] ของฟิรเอาน์และซะมูด
[85.19] ยิ่งไปกว่านั้นบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธายังไม่ยอมเชื่อ (ความจริง)
[85.20] และอัลลอฮ์ทรงห้อมล้อมพวกเขาทุกด้าน
[85.21] มิใช่เช่นนั้นดอก ที่พวกเขาไม่ยอมเชื่อถือคือกุรอานอันรุ่งโรจน์
[85.22] อยู่ในแผ่นจารึกที่ถูกเก็บรักษาไว้

86. ซูเราะห์อัฏฏอริก

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[86.1] ขอสาบานด้วยชั้นฟ้า และ (ดวงดาว) ที่มาในเวลาค่ำคืน
[86.2] และอะไรเล่าจะทำให้เจ้ารู้ได้ว่าสิ่งที่มาในเวลาค่ำคืนนั้นคืออะไร
[86.3] คือดวงดาวที่ประกายแสง
[86.4] ไม่มีชีวิตใด (อยู่โดยลำพัง) เว้นแต่มีผู้เฝ้ารักษามัน
[86.5] ดังนั้นมนุษย์จงไตร่ตรองดูซิว่าเขาถูกบังเกิดมาจากอะไร
[86.6] เขาถูกบังเกิดมาจากน้ำที่พุ่งออกมา
[86.7] มันออกมาจากกระดูกสันหลัง (ของชาย) และกระดูกหน้าอก (ของหญิง)
[86.8] แท้จริงพระองค์ทรงสามารถอย่างแน่นอนที่จะให้เขากลับมาอีก (คือฟื้นคืนชีพ)
[86.9] วันที่สิ่งเร้นลับทั้งหลายจะถูกเปิดเผย
[86.10] ดังนั้นเขาจะไม่มีพลังใด ๆ และไม่มีผู้ช่วยเหลือใด ๆ
[86.11] ขอสาบานด้วยชั้นฟ้าที่หลั่งน้ำฝน
[86.12] และแผ่นดินที่ปริออก (ให้เมล็ดพืชงอกเงย)
[86.13] แท้จริงอัลกุรอานนั้น คือพระดำรัสที่จำแนก (ระหว่างความจริงกลับความเท็จ)
[86.14] และอัลกุรอานนั้นมิใช่เรื่องไร้สาระ
[86.15] แท้จริงพวกเขากำลังวางแผนการณ์กันอยู่
[86.16] และข้าก็วางแผนการณ์อยู่
[86.17] ดังนั้น เจ้า (มุฮัมมัด) จงผ่อนปรนให้บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเถิด ข้าก็จะผ่อนปรนให้แก่พวกเขาระยะหนึ่ง

87. ซูเราะห์อัลอะอ์ลา

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[87.1] จงแซ่ซ้องสดุดี พระนามแห่งพระเจ้าของเจ้า ผู้ทรงสูงสุดยิ่ง
[87.2] ผู้ทรงสร้างแล้วทรงทำให้สมบูรณ์
[87.3] และผู้ทรงกำหนดสภาวะแล้วทรงชี้แนะทาง
[87.4] และผู้ทรงนำทุ่งหญ้าออกมา (ให้งอกเงยเป็นอาหารของปศุสัตว์)
[87.5] แล้วทรงทำให้มันซังแห้งสีคล้ำมอซอ
[87.6] เราจะสอนให้เจ้าอ่าน แล้วเจ้าจะไม่ลืม
[87.7] เว้นแต่สิ่งที่อัลลอฮ์ทรงประสงค์ แท้จริงพระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่เปิดเผยและสิ่งที่ซ่อนเร้น
[87.8] และเราจะทำให้เป็นการง่ายดายแก่ เจ้าซึ่งบัญญัติศาสนาอันง่ายดาย
[87.9] ดังนั้นจงตักเตือนกันเถิด เพราะการตักเตือนกันนั้นจะยังคุณประโยชน์
[87.10] ผู้ที่หวั่นกลัวจะได้รำลึก
[87.11] และผู้ที่ชั่วช้ายิ่งจะหลีกเลี่ยงการตักเตือนนั้น
[87.12] ซึ่งเขาจะเข้าไปเผาไหม้ในไฟกองใหญ่
[87.13] แล้วเขาจะไม่ตายในนั้นและจะไม่เป็นด้วย
[87.14] แน่นอนผู้ที่ขัดเกลาตนเอง ย่อมบรรลุความสำเร็จ
[87.15] และเขารำลึกถึงพระนามแห่งพระเจ้าของเขา แล้วเขาทำละหมาด
[87.16] หามิได้ แต่พวกเจ้าเลือกเอาการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ต่างหาก
[87.17] ทั้ง ๆ ที่ปรโลกนั้นดีกว่าและจีรังกว่า
[87.18] แท้จริง (ข้อตักเตือนสติ) นี้มีอยู่ในคัมภีร์ก่อน ๆ มาแล้ว
[87.19] คือคัมภีร์ของอิบรอฮีมและมูซา

88. ซูเราะห์อัลฆอซิยะฮ์

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[88.1] ข่าวคราวของการครอบงำ (แห่งความรุนแรง) ได้มายังเจ้าแล้วมิใช่หรือ
[88.2] ในวันนั้นมีหลายใบหน้าที่ต่ำต้อย
[88.3] ใบหน้าที่ทำงานหนัก ระกำใจ
[88.4] เข้าไปเผาไหม้ในไฟอันร้อนแรง
[88.5] จะถูกให้ดื่มจากน้ำพุที่ร้อนจัด
[88.6] ไม่มีอาหารอื่นนอกจากต้นหนามแห้ง
[88.7] มันจะไม่ทำให้อ้วน และไม่ทำให้หายหิว
[88.8] ในวันนั้นมีหลายใบหน้าที่เบิกบาน
[88.9] พึงพอใจเพราะการกระทำของพวกเขา
[88.10] อยู่ในสวนสวรรค์อันสูงตระหง่าน
[88.11] จะไม่ได้ยินเรื่องไร้สาระในนั้น
[88.12] ในนั้นมีตาน้ำไหลริน
[88.13] ในนั้นมีเตียงที่ถูกยกไว้สูงเด่น
[88.14] และมีแก้วน้ำถูกวางไว้
[88.15] และมีหมอนอิงถูกเรียงไว้เป็นแถว
[88.16] และมีพรมอย่างดีเลิศถูกปูไว้
[88.17] พวกเขาไม่พิจารณาดูอูฐดอกหรือว่า มันถูกบังเกิดมาอย่างไร
[88.18] และยังท้องฟ้าบ้างหรือว่ามันถูกยกให้สูงขึ้นอย่างไร
[88.19] และยังภูเขาบ้างหรือว่า มันถูกปักตั้งไว้อย่างไร
[88.20] และยังแผ่นดินบ้างหรือว่ามันถูกแผ่ลาดไว้อย่างไร
[88.21] ดังนั้นจงตักเตือนเถิด เพราะแท้จริงเจ้าเป็นเพียงผู้ตักเตือนเท่านั้น
[88.22] เจ้ามิใช่ผู้มีอำนาจเหนือพวกเขา
[88.23] นอกจากผู้ที่ผินหลังให้และปฏิเสธศรัทธาเท่านั้น
[88.24] อัลลอฮ์จะทรงลงโทษเขาซึ่งการลงโทษอันมหันต์
[88.25] แท้จริง ยังเราเท่านั้นคือการกลับมาของพวกเขา
[88.26] แล้วก็แท้จริง หน้าที่ของเรานั้นคือ การชำระพวกเขา

89. ซูเราะห์อัลฟัจญร์

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[89.1] ขอสาบานด้วยยามรุ่งอรุณ
[89.2] และด้วยค่ำคืนทั้งสิบ
[89.3] และด้วยสิ่งที่เป็น คู่ และที่เป็นคี่
[89.4] และด้วยเวลากลางคืนเมื่อมันโคจรไป
[89.5] ในดังกล่าวนั้นเป็นการสาบาน สำหรับผู้ที่มีปัญญามิใช่หรือ
[89.6] เจ้าไม่เห็นดอกหรือว่า พระเจ้าของเจ้ากระทำต่อพวกอ๊าดอย่างไร
[89.7] (แห่ง) อิร็อม พวกมีเสาหินสูงตะหง่าน
[89.8] ซึ่งเยี่ยงนั้นมิได้ถูกสร้างตามหัวเมืองต่าง ๆ
[89.9] และพวกซะมูดผู้สกัดหิน ณ หุบเขา
[89.10] และฟิรเอาน์เจ้าแห่งตรึงเสาเต๊นท์
[89.11] บรรดาผู้ละเมิดเหล่านั้นตามหัวเมืองต่าง ๆ
[89.12] แล้วก่อความเสียหายอย่างมากมายในหัวเมืองเหล่านั้น
[89.13] ดังนั้นพระเจ้าของเจ้าจึงกระหน่ำการลงโทษนานาชนิดบนพวกเขา
[89.14] แท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้นทรงเฝ้าดูอย่างแน่นอน
[89.15] ส่วนมนุษย์นั้น เมื่อพระเจ้าของเขาทรงทดสอบเขา โดยทรงให้เกียรติเขาและทรงโปรดปรานเขา เขาก็จะกล่าวว่าพระเจ้าของฉันทรงยกย่องฉัน
[89.16] แต่ครั้งเมื่อพระองค์ทรงทดสอบเขาทรงให้การครองชีพของเขาเป็นที่คับแคบแก่เขา เขาก็จะกล่าวว่า พระเจ้าของฉันทรงเหยียดหยามฉัน
[89.17] มิใช่เช่นนั้นดอก แต่ว่าพวกเจ้ามิได้ให้เกียรติแก่เด็กกำพร้าต่างหาก
[89.18] และพวกเจ้ามิได้ส่งเสริมกันในการให้อาหารแก่คนยากจนขัดสน
[89.19] และพวกเจ้ากินมรดกกันอย่างหมดเกลี้ยง
[89.20] และพวกเจ้ารักสมบัติกันอย่างมากมาย
[89.21] หามิได้ เมื่อแผ่นดินถูกทำให้สั่นสะเทือนเป็นผุยผง
[89.22] และพระเจ้าของเจ้าเสด็จมาพร้อมทั้งมลาอิกะฮ์ด้วยเป็นแถว ๆ
[89.23] และวันนั้นนรกญะฮันนัมจะถูกนำมาให้ปรากฏ ในวันนั้นมนุษย์จะรำลึกขึ้นมาได้ แต่การรำลึกนั้นจะมีผลแก่เขาได้อย่างไร
[89.24] เขาจะกล่าวว่า โอ้ถ้าฉันได้ทำความดีไว้ล่วงหน้าสำหรับชีวิตของฉัน
[89.25] แล้วในวันนั้นไม่มีผู้ใดลงโทษเช่น การลงโทษของพระองค์
[89.26] และไม่มีผู้ใดผูกมัด เช่นการผูกมัดของพระองค์
[89.27] โอ้ชีวิตที่สงบแน่นเอ๋ย
[89.28] จงกลับมายังพระเจ้าของเจ้าด้วยความยินดีและเป็นที่ปิติเถิด
[89.29] แล้วจงเข้ามาอยู่ในหมู่ปวงบ่าวของข้าเถิด
[89.30] และจงเข้ามาอยู่ในสวนสวรรค์ของข้าเถิด

90. ซูเราะห์อัลบะลัด

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[90.1] ขอสาบานด้วยเมืองนี้
[90.2] และเจ้านั้นเป็นผู้อาศัยอยู่ในเมืองนี้
[90.3] และขอสาบานด้วยผู้บังเกิดและผู้ถือกำเนิด
[90.4] โดยแน่นอนเราได้บังเกิดมนุษย์มาเพื่อเผชิญความยากลำบาก
[90.5] เขาคิดว่าไม่มีผู้ใดจะมีความสามารถเหนือเขากระนั้นหรือ
[90.6] เขาจึงกล่าวว่า ฉันได้ผลาญทรัพย์สมบัติมามากมายแล้ว
[90.7] เขาคิดว่าไม่มีผู้ใดเห็นเขากระนั้นหรือ
[90.8] เรามิได้ทำดวงตาทั้งสองข้างให้แก่เขาดอกหรือ
[90.9] และลิ้นและริมฝีปากทั้งสองด้วย
[90.10] และเราได้ชี้แนะทางแห่งความดี และความชั่วแก่เขาแล้ว
[90.11] กระนั้นก็ดีเขาก็ยังไม่พากเพียรบนทางลำบาก
[90.12] และอันใดเล่าที่จะทำให้เจ้ารู้ว่าทางลำบากนั้นคืออะไร
[90.13] คือการปล่อยทาส
[90.14] หรือการให้อาหารในวันยากลำบากแห่งความหิวโหย
[90.15] แก่เด็กกำพร้าที่เป็นญาติใกล้ชิด
[90.16] หรือคนยากจนขัดสนที่มอมอยู่กับฝุ่นดิน
[90.17] แล้วเขาได้อยู่ในหมู่ผู้ศรัทธา และตักเตือนกันให้มีความอดทน และตักเตือนกันให้มีความเมตตา
[90.18] ชนเหล่านี้คือพวกฝ่ายขวา
[90.19] ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อสัญญาณต่าง ๆ ของเรา พวกเขาคือพวกฝ่ายซ้าย
[90.20] บนพวกเขานั้นมีไฟนรกครอบคลุมอยู่อย่างมิดชิด

91. ซูเราะห์อัชชัมซฺ

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[91.1] ขอสาบานด้วยดวงอาทิตย์ และแสงสว่างของมัน
[91.2] และด้วยดวงจันทร์ เมื่อโคจรตามหลังมัน
[91.3] และด้วยเวลากลางวันเมื่อประกายแสงมัน (จากดวงอาทิตย์)
[91.4] และด้วยเวลากลางคืนเมื่อปกคลุมมัน
[91.5] และด้วยชั้นฟ้า และที่พระองค์ทรงสร้างมัน
[91.6] และด้วยแผ่นดิน และที่พระองค์ทรงแผ่มัน
[91.7] และด้วยชีวิต และที่พระองค์ทรงทำให้มันสมบูรณ์
[91.8] แล้วพระองค์ทรงดลใจมันให้รู้ทางชั่วของมันและทางสำรวมของมัน
[91.9] แน่นอนผู้ขัดเกลาชีวิตย่อมได้รับความสำเร็จ
[91.10] และแน่นอนผู้หมกมุ่นมัน (ด้วยการทำชั่ว) ย่อมล้มเหลว
[91.11] พวกซะมูดได้ปฏิเสธด้วยการละเมิดขอบเขตของพวกเขา
[91.12] เมื่อคนเลวทรามที่สุดของพวกเขาได้รีบรุดไป (ฆ่าอูฐตัวเมีย)
[91.13] แล้วร่อซู้ลของอัลลอฮ์ จึงกล่าวแก่พวกเขาว่า (อย่าทำร้าย) อูฐของอัลลอฮ์ และ (อย่าขัดขวาง) การดื่มน้ำของมัน
[91.14] แต่พวกเขาก็ไม่เชื่อนบีแล้วพวกเขาก็ได้ฆ่ามัน ดังนั้นพระเจ้าของพวกเขาจึงได้ทำลายล้างพวกเขาเนื่องจากเพราะความผิดของพวกเขา แล้วพระองค์ทรงลงโทษพวกเขาอย่างถ้วนหน้ากัน
[91.15] และพระองค์มิทรงหวาดหวั่นต่อปั้นปลายพวกมัน

92. ซูเราะห์อัลลัยล์

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[92.1] ขอสาบานด้วยเวลากลางคืน เมื่อมันปกคลุม
[92.2] และด้วยเวลากลางวันเมื่อมันประกายแสง
[92.3] และด้วยผู้ที่ทรงบังเกิดเพศชาย และเพศหญิง
[92.4] แท้จริงการงานของพวกเจ้านั้นย่อมแตกต่างกันอย่างแน่นอน
[92.5] ส่วนผู้ที่บริจาคและยำเกรง (อัลลอฮ์)
[92.6] และเชื่อมั่นในสิ่งที่ดี
[92.7] เราก็จะให้เขาได้รับความสะดวกอย่างง่ายดาย
[92.8] และส่วนผู้ที่ตระหนี่ และถือว่ามีพอเพียงแล้ว
[92.9] และปฏิเสธสิ่งที่ดีงาม
[92.10] เราก็จะให้เขาได้รับความลำบากอย่างง่ายดาย
[92.11] และทรัพย์สมบัติของเขาจะไม่อำนวยประโยชน์แก่เขาได้ เมื่อเขาตกไปในเหวนรก
[92.12] แท้จริงหน้าที่ของเรานั้นคือให้การชี้แนะทาง
[92.13] และแท้จริงปรโลกและโลกนี้เป็นของเรา
[92.14] ดังนั้นข้าขอเตือนพวกเจ้าถึงไฟที่ลุกโชน
[92.15] ไม่มีผู้ใดจะเข้าไปในเผาไหม้ในมัน นอกจากคนเลวทรามที่สุด
[92.16] คือผู้ที่ปฏิเสธและผินหลังให้
[92.17] และส่วนผู้ที่ยำเกรงยิ่งนั้นจะถูกปลีกตัวให้ห่างไกลจากมัน
[92.18] ซึ่งเขาบริจาคทรัพย์สินของเขาเพื่อขัดเกลาตนเอง
[92.19] และที่เขานั้นไม่มีบุญคุณแก่ผู้ใดที่บุญคุณนั้นจะถูกตอบแทน
[92.20] นอกจากว่าเพื่อแสวงความโปรดปรานจากพระเจ้าของเขาผู้ทรงสูงส่งเท่านั้น
[92.21] และเขาก็จะพึงพอใจ

93. ซูเราะห์อัฎฎุฮา

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[93.1] ขอสาบานด้วยเวลาสาย
[93.2] และด้วยเวลากลางคืนเมื่อมันมืด และสงัดเงียบ
[93.3] พระเจ้าของเจ้ามิได้ทรงทอดทิ้งเจ้า และมิได้ทรงโกรธเคืองเจ้า
[93.4] และแน่นอนเบื้องปลายเป็นการดียิ่งแก่เจ้ากว่าเบื้องต้น
[93.5] และความแน่นอนพระเจ้าของเจ้าจะให้แก่เจ้าจนกว่าจะพอใจ
[93.6] พระองค์มิได้ทรงพบเจ้าเป็นกำพร้าแล้วทรงให้ที่พึ่งดอกหรือ
[93.7] และทรงพบเจ้าระเหเร่ร่อน แล้วก็ทรงชี้แนะทาง (แก่เจ้า) ดอกหรือ
[93.8] และทรงพบเจ้าเป็นผู้ขัดสน แล้วให้มั่งคั่ง (แก่) เจ้าดอกหรือ
[93.9] ดังนั้นส่วนเด็กกำพร้าเจ้าอย่าข่มขี่
[93.10] และส่วนผู้เอ่ยขอนั้น เจ้าอย่าตวาดขับไล่
[93.11] และส่วนความโปรดปรานแห่งพระเจ้าของเจ้านั้น เจ้าจงแสดงออก

94. ซูเราะห์อัลอินซิรอฮ์

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[94.1] เรามิได้เปิดหัวอกของเจ้าแก่เจ้าดอกหรือ
[94.2] และเราได้ปลดเปลื้องภาระหนักของเจ้าออกจากเจ้าแล้ว
[94.3] ซึ่งเป็นภาระหนักอึ้งบนหลังของเจ้า
[94.4] และเราได้ยกย่องให้แก่เจ้าแล้ว ซึ่งการกล่าวถึงเจ้า
[94.5] ฉะนั้นแท้จริงหลังจากความยากลำบากก็จะมีความง่าย
[94.6] แท้จริงหลังจากความยากลำบากก็จะมีความง่าย
[94.7] ดังนั้นเมื่อเจ้าเสร็จสิ้น (จากงานหนึ่งแล้ว) ก็จงลำบากต่อไป
[94.8] และยังพระเจ้าของเจ้าเท่านั้นก็จงมุ่งปรารถนาเถิด

95. ซูเราะห์อัตตีน

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[95.1] ขอสาบานด้วยต้นมะเดื่อ และต้นมะกอก
[95.2] และด้วยภูเขาฎูรซีนาย
[95.3] และด้วยเมืองนี้ที่ปลอดภัย
[95.4] โดยแน่นอนเราได้บังเกิดมนุษย์มาในรูปแบบที่สวยงามยิ่ง
[95.5] แล้วเราได้ให้เขากลับสู่สภาพที่ตกต่ำยิ่ง
[95.6] นอกจากบรรดาผู้ศรัทธาและประกอบสิ่งดีงามทั้งหลาย โดยที่สำหรับพวกเขาจะได้รับรางวัลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
[95.7] ดังนั้น อะไรเล่าเขาจึงปฏิเสธเจ้า หลังจากนี้เกี่ยวกับการตอบแทน
[95.8] มิใช่อัลลอฮ์ดอกหรือ เป็นผู้ตัดสินที่ดีเยี่ยมในหมู่ผู้ตัดสินทั้งหลาย

96. ซูเราะห์อัลอะลัก

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[96.1] จงอ่าน ด้วยพระนามแห่งพระเจ้าของเจ้าผู้ทรงบังเกิด
[96.2] ทรงบังเกิดมนุษย์จากก้อนเลือด
[96.3] จงอ่านเถิด และพระเจ้าของเจ้านั้นผู้ทรงใจบุญยิ่ง
[96.4] ผู้ทรงสอนการใช้ปากกา
[96.5] ผู้ทรงสอนมนุษย์ในสิ่งที่เขาไม่รู้
[96.6] มิใช่เช่นนั้นแท้จริงมนุษย์นั้น ย่อมจะละเมิดขอบเขต
[96.7] เนื่องเพราะเขาคิดว่าเขาพอเพียงแล้ว
[96.8] แท้จริงยังพระเจ้าของเจ้าเท่านั้นคือ การกลับไป
[96.9] เจ้าเห็นแล้วมิใช่หรือ ผู้ที่ขัดขวาง
[96.10] บ่าวคนหนึ่ง เมื่อเขากำลังละหมาด
[96.11] เจ้าคิดบ้างไหมว่า หากบ่าวผู้นั้นอยู่บนแนวทางที่ถูกต้อง
[96.12] หรือใช้ให้ผู้คนมีความยำเกรง
[96.13] เจ้าคิดบ้างไหมว่า หากเขาปฏิเสธ และผินหลังให้
[96.14] เขาไม่รู้ดอกหรือว่า แท้จริงอัลลอฮ์ นั้นทรงเห็น
[96.15] มิใช่เช่นนั้น ถ้าเขายังไม่หยุดยั้ง เราจะจิกเขาที่ขม่อมอย่างแน่นอน
[96.16] ขม่อมที่โกหกที่ประพฤติชั่ว
[96.17] แล้วให้เขาเรียกที่ประชุมของเขา
[96.18] เราก็จะเรียกผู้คุมนรก
[96.19] มิใช่เช่นนั้น เจ้าอย่าได้เชื่อฟังมัน แต่จงสุญูด และเข้า

97. ซูเราะห์อัลก็อดร

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[97.1] แท้จริงเราได้ประทานอัลกุรอานลงมาในคืนอัลก็อดร์
[97.2] และอะไรเล่าจะทำให้เจ้ารู้ได้ว่าคืนอัลก็อดร์นั้นคืออะไร
[97.3] คืนอัลก็อดร์นั้นดียิ่งกว่าหนึ่งพันเดือน
[97.4] บรรดามลาอิกะฮ์และอัลรูฮ์ (ญิบรีล) จะลงมาในคืนนั้น โดยอนุมัติแห่งพระเจ้าของพวกเขาเนื่องจากกิจการทุกสิ่ง
[97.5] คืนนั้นมีความศานติจนกระทั่งรุ่งอรุณ

98. ซูเราะห์อัลบัยยินะฮ์

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[98.1] บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาในหมู่อะฮ์ลุลกิตาบและพวกบูชาเจว็ดนั้นจะไม่พ้นจาก (หลักศรัทธาของพวกเขา) จนกว่าจะได้มีหลักฐานอันชัดแจ้งมายังพวกเขา
[98.2] คือร่อซู้ลคนหนึ่งจากอัลลอฮ์เพื่ออ่านคัมภีร์อันบริสุทธิ์
[98.3] ในคัมภีร์นั้นมีบัญญัติอันเที่ยงตรง
[98.4] และบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์ (อะฮ์ลุลกิตาบ) นั้น มิได้แตกแยกกัน เว้นแต่หลังจากที่ได้มีหลักฐานอันชัดแจ้งมายังพวกเขาแล้ว
[98.5] และพวกเขามิได้ถูกบัญชาให้กระทำอื่นใดนอกจากเพื่อเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์ เป็นผู้มีเจตนาบริสุทธิ์ในการภักดีต่อพระองค์ เป็นผู้อยู่ในแนวทางที่เที่ยงตรงและดำรงการละหมาด และจ่ายซะกาต และนั่นแหละคือศาสนาอันเที่ยงธรรม
[98.6] แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาในหมู่อะฮ์ลุลกิตาบและบูชาเจว็ดนั้นจะอยู่ในนรกญะฮันนัม พวกเขาเป็นผู้พำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล ชนเหล่านั้นพวกเขาเป็นมนุษย์ที่ชั่วช้ายิ่ง
[98.7] แท้จริง บรรดาผู้ศรัทธาและประกอบความดีทั้งหลาย ชนเหล่านั้น พวกเขาเป็นมนุษย์ที่ดียิ่ง
[98.8] การตอบแทนของพวกเขา ณ ที่พระเจ้าของพวกเขาคือสวนสวรรค์หลากหลายอันสถาพร ณ เบื้องล่างของมันมีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน พวกเขาเป็นผู้พำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล อัลลอฮ์ทรงปิติต่อพวกเขา และพวกเขาก็ยินดีในพระองค์ นั่นคือสำหรับผู้ที่กลัวเกรงพระเจ้าของพวกเขา

99. ซูเราะห์อัลซัลซะละฮ์

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[99.1] เมื่อแผ่นดินถูกให้ไหวอย่างสั่นสะท้านของมัน
[99.2] และเมื่อแผ่นดินได้ระบายของหนักของมันออกมา
[99.3] และมนุษย์จะกล่าวว่า เกิดอะไรขึ้นแก่มันเล่า
[99.4] ในวันนั้นมันจะบอกข่าวคราวของมัน
[99.5] ว่าแท้จริงพระเจ้าได้มีบัญชาแก่มัน
[99.6] ในวันนั้นมนุษย์จะกระจายออกมาเป็นหมู่ ๆ เพื่อพวกเขาจะถูกให้เห็นผลงานของพวกเขา
[99.7] ดังนั้นผู้ใดกระทำความดีหนักเท่าละอองธุลี เขาก็จะเห็นมัน
[99.8] ส่วนผู้ใดกระทำความชั่วหนักเท่าละอองธุลี เขาก็จะเห็นมัน

100. ซูเราะห์อัลอาดิยาต

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[100.1] ขอสาบานด้วยม้าที่วิ่งหอบฮัก ๆ
[100.2] แล้วด้วยม้าที่กลีบเท้าของมันตีกับหินจนเกิดประกายไฟ
[100.3] แล้วด้วยม้าที่จู่โจมศัตรูในยามเช้า
[100.4] แล้วมันได้ทำให้ฝุ่นตลบฟุ้งในยามนั้น
[100.5] แล้วมันได้บุกเข้าไปท่ามกลางหมู่ศัตรูในยามนั้น
[100.6] แท้จริงมนุษย์เป็นผู้เนรคุณต่อพระเจ้าของเขา
[100.7] และแท้จริงเขาได้เป็นพยานต่อการนั้นอย่างแน่นอน
[100.8] และแท้จริงเขามีความหวงแหน เพราะรักในทรัพย์สมบัติ
[100.9] เขาไม่รู้ดอกหรือว่า เมื่อสิ่งที่อยู่ในหลุมฝังศพถูกให้ฟื้นขึ้นมา
[100.10] และสิ่งที่อยู่ในหัวอกถูกเผยออก
[100.11] แท้จริงพระเจ้าของพวกเขาในวันนั้น ทรงตระหนักในพวกเขาอย่างแน่นอน

101. ซูเราะห์อัลกอริอะฮ์

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[101.1] อัลกอริอะฮ์
[101.2] อัลกอริอะฮ์นั้นคืออะไร
[101.3] และอะไรที่ทำให้เจ้าได้รู้ว่าอัลกอริอะฮ์ นั้นคืออะไร
[101.4] วันที่มนุษย์จะเป็นเช่นแมลงเม่าที่กระจายว่อน
[101.5] และบรรดาภูเขาจะเป็นเช่นขนสัตว์ที่ปลิวว่อน
[101.6] ส่วนผู้ที่ตราชูของเขาหนัก
[101.7] เขาก็จะอยู่ในการมีชีวิตที่ผาสุก
[101.8] และส่วนผู้ที่ตราชูของเขาเบา
[101.9] ที่พำนักของเขาก็คือเหวลึก (ฮาวิยะฮ์)
[101.10] และอะไรเล่าที่ทำให้เจ้ารู้ได้ว่าเหวลึกคืออะไร
[101.11] คือไฟอันร้อนแรง

102. ซูเราะห์อัตตะกาซุร

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[102.1] การสะสมทรัพย์สมบัติเพื่ออวดอ้างได้ทำให้พวกเจ้า เพลิดเพลิน
[102.2] จนกระทั่งพวกเจ้าได้เข้าไปเยือนหลุมฝังศพ
[102.3] เปล่าเลย พวกเจ้าจะได้รู้
[102.4] แล้วก็เปล่าเลย พวกเจ้าจะได้รู้
[102.5] มิใช่เช่นนั้น ถ้าพวกเจ้าได้รู้อย่างแท้จริง
[102.6] แล้วแน่นอน พวกเจ้าจะเห็นไฟที่ลุกโชน
[102.7] แล้วแน่นอนพวกเจ้าจะได้เห็นมันด้วยสายตาที่แน่ชัด
[102.8] แล้วในวันนั้นพวกเจ้าจะถูกสอบถามเกี่ยวกับความโปรดปราน ที่ได้รับ (ในโลกดุนยา)

103. ซูเราะห์อัลอัศร์

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[103.1] ขอสาบานด้วยกาลเวลา
[103.2] แท้จริง มนุษย์นั้น อยู่ในการขาดทุน
[103.3] นอกจากบรรดาผู้ศรัทธา และกระทำความดีทั้งหลาย และตักเตือนกันและกันในสิ่งที่เป็นสัจธรรม และตักเตือนกันและกัน ให้มีความอดทน

104. ซูเราะห์อัลฮุมะซะฮ์

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[104.1] ความหายนะจงประสบแด่ทุกผู้นินทา และผู้ใส่ร้ายผู้อื่น
[104.2] ซึ่งเขาสะสมทรัพย์สมบัติ และหมั่นนับมันอยู่เสมอ
[104.3] โดยคิดว่าทรัพย์สมบัติของเขานั้นจะทำให้เขาอยู่ได้ตลอดไป
[104.4] มิใช่เช่นนั้น แน่นอนเขาจะถูกโยนลงไปในไฟนรก (อัลฮุเฏาะมะฮ์)
[104.5] และอะไรเล่าที่ทำให้เจ้ารู้ได้ว่า ไฟนรก (อัลฮุเฏาะมะฮ์) นั้นคืออะไร
[104.6] คือไฟของอัลลอฮ์ที่ถูกจุดให้ลุกโชน
[104.7] ซึ่งมันจะลุกไหม้เข้าไปในหัวใจ
[104.8] แท้จริง มันจะลุกไหม้คลุมบนพวกเขาอย่างมิดชิด
[104.9] อยู่ในสภาพของเสาสูงชะลูด

105. ซูเราะห์อัลฟีล

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[105.1] เจ้าไม่เห็นดอกหรือว่า พระเจ้าของเจ้าได้กระทำกับพวก เจ้าของช้างอย่างไร
[105.2] พระองค์มิได้ทรงทำให้แผนการณ์ของพวกเขาสูญสิ้นดอก หรือ
[105.3] และได้ทรงส่งนกเป็นฝูงๆ ลงมาบนพวกเขา
[105.4] มันได้ขว้างพวกเขาด้วยหินที่ทำด้วยดินแข็ง
[105.5] แล้วพระองค์ทรงทำให้พวกเขาเป็นเช่นใบไม้ที่ถูก (สัตว์) กิน

106. ซูเราะห์อัลกุรอยซ์

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[106.1] เพื่อให้ความคุ้นเคยแก่ชาวกุเรช
[106.2] เพื่อให้ความคุ้นเคยแก่พวกเขา ในการเดินทางในฤดูหนาว (ไปเยเมน) และฤดูร้อน (ไปชาม)
[106.3] ดังนั้น จงให้พวกเขาเคารพภักดีพระเจ้า แห่งบ้านหลังนี้เถิด (คืออัลกะอฺบะฮ์)
[106.4] ผู้ทรงให้อาหารแก่พวกเขาให้พ้นจากความหิว และทรงให้ความปลอดภัยแก่พวกเขา ให้พ้นจากความหวาดกลัว

107. ซูเราะห์อัลมาอูน

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[107.1] เจ้าเห็นแล้วมิใช่หรือ ผู้ที่ปฏิเสธการตอบแทน (ในปรโลก)
[107.2] นั่นก็คือผู้ที่ขับไล่เด็กกำพร้า
[107.3] และไม่สนับสนุนในการให้อาหารแก่ผู้ขัดสน
[107.4] ดังนั้น ความหายนะจงมีแด่บรรดาผู้ทำละหมาด
[107.5] ผู้ที่พวกเขาละเลยต่อการละหมาดของพวกเขา
[107.6] ผู้ที่พวกเขาโอ้อวดกัน
[107.7] และพวกเขาหวงแหนเครื่องใช้เล็กๆ น้อย (แก่เพื่อนบ้าน)

108. ซูเราะห์อัลเกาซัร

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[108.1] แท้จริงเราได้ประทานอัลเกาซัรแก่เจ้าแล้ว
[108.2] ดังนั้นเจ้าจงละหมาดเพื่อพระเจ้าของเจ้า และจงเชือดสัตว์พลี
[108.3] แท้จริงศัตรูของเจ้านั้นเขาเป็นผู้ถูกตัดขาด

109. ซูเราะห์อัลกาฟิรูน

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[109.1] จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดว่า โอ้บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเอ๋ย
[109.2] ฉันจะไม่เคารพภักดีสิ่งที่พวกท่านเคารพภักดีอยู่
[109.3] และพวกท่านก็ไม่ใช่เป็นผู้เคารพภักดีพระเจ้าที่ฉันเคารพภักดี
[109.4] และฉันก็มิใช่เป็นผู้เคารพภักดีสิ่งที่พวกท่านเคารพภักดี
[109.5] และพวกท่านก็มิใช่เป็นผู้เคารพภักดีพระเจ้าที่ฉันเคารพภักดี
[109.6] สำหรับพวกท่านก็คือศาสนาของพวกท่าน และสำหรับฉันก็คือศาสนาของฉัน

110. ซูเราะห์อัลนัศร์

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[110.1] เมื่อความช่วยเหลือของอัลลอฮ์ และการพิชิตได้มาถึงแล้ว
[110.2] และเจ้าได้เห็นประชาชนเข้าในศาสนาของอัลลอฮ์เป็นหมู่ๆ
[110.3] ดังนั้นจงแซ่ซ้องสดุดีด้วยการสรรเสริญพระเจ้าของเจ้า และจงขออภัยโทษต่อพระองค์เถิด แท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษเสมอ

111. ซูเราะห์อัลมะซัด

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[111.1] มือทั้งสองของอะบีละฮับจงพินาศ และเขาก็พินาศแล้ว
[111.2] ทรัพย์สมบัติของเขา และสิ่งที่เขาได้ขวนขวายเอาไว้นั้นมิได้อำนวยประโยชน์แก่เขาเลย
[111.3] เขาจะเข้าไปเผาไหม้ในนรกที่มีไฟลุกโชน
[111.4] ทั้งภริยาของเขาด้วย นางเป็นผู้แบกฟืน
[111.5] ที่คอของนางมีเชือกถักด้วยใยอินทผลัม

112. ซูเราะห์อัลอิคลาส

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[112.1] จงล่าวเถิดมุฮัมมัด พระองค์คืออัลลอฮ์ผู้ทรงเอกกะ
[112.2] อัลลอฮ์นั้นทรงเป็นที่พึ่ง
[112.3] พระองค์ไม่ประสูติ และไม่ทรงถูกประสูติ
[112.4] และไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนพระองค์

113. ซูเราะห์อัลฟะลัก

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[113.1] จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ข้าพระองค์ ขอความคุ้มครองต่อพระเจ้าแห่งรุ่งอรุณ
[113.2] ให้พ้นจากความชั่วร้าย ที่พระองค์ได้ทรงบันดาลขึ้น
[113.3] และจากความชั่วร้าย แห่งความมืดของกาลเวลากลางคืน เมื่อมันแผ่คลุม
[113.4] และจากความชั่วร้าย ของบรรดาผู้เสกเป่าในปมเงื่อน
[113.5] และจากความชั่วร้าย ของผู้อิจฉาเมื่อเขาอิจฉา

114. ซูเราะห์อันนาส

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[114.1] จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ข้าพระองค์ขอความคุ้มครอง ต่อพระเจ้าแห่งมนุษยชาติ
[114.2] พระราชาแห่งมนุษยชาติ
[114.3] พระเป็นเจ้าแห่งมนุษยชาติ
[114.4] ให้พ้นจากความชั่วร้าย ของผู้กระซิบกระซาบที่หลอกล่อ
[114.5] ที่กระซิบกระซาบในหัวอกของมนุษย์
[114.6] จากหมู่ญินและมนุษย์
صَدَقَ اللهُ الْعَظِيْمِ
เศาะดะ กัลลอ ฮุล อะซีม
อัลลอฮ์คือผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง


ป้ายกำกับ: , ,

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก