อัลกุรอานญุซอ์ที่ 29
ญุซอ์ที่ 29
67. ซูเราะห์อัลมุลกฺ
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์
ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[67.1]
ความเจริญสุขจงมีแด่พระผู้ซึ่งอำนาจอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์
และพระองค์คือผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง
[67.2]
พระผู้ทรงให้มีความตายและให้มีความเป็น เพื่อจะทดสอบพวกเจ้าว่า
ผู้ใดบ้างในหมู่พวกเจ้าที่มีผลงานดียิ่ง และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ
ผู้ทรงให้อภัยเสมอ
[67.3]
พระผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งเจ็ดเป็นชั้น ๆ
เจ้าจะไม่เห็นแต่อย่างใดในความไม่ได้สัดส่วนในการสร้างของพระผู้ทรงกรุณาปรานี
ดังนั้นเจ้าจงหันกลับมามองดูซิ เจ้าเห็นรอยร้าวหรือช่องโหว่บ้างไหม ?
[67.4]
แล้วจงหันกลับมามองอีกเป็นครั้งที่สอง
สายตานั้นก็จะกลับมายังเจ้าด้วยการยอมจำนนและในสภาพที่ละเหี่ย
[67.5]
และโดยแน่นอนเราได้ประดับท้องฟ้าของโลกนี้ด้วยดวงดาวเป็นแสงประทีป
และเราได้ทำให้มันเป็นอาวุธไล่ชัยตอน และเราได้เตรียมการลงโทษด้วยไฟอันร้อนแรงสำหรับพวกมัน
[67.6]
และสำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อพระเจ้าของพวกเขานั้น คือการลงโทษแห่งนรกญะฮันนัม
และมันเป็นทางกลับที่ชั่วช้ายิ่ง
[67.7]
เมื่อพวกเขาถูกโยนลงไปในนรกพวกเขาจะได้ยินเสียงของมันครวญครางขณะที่มันกำลังกเดือนพล่าน
[67.8]
มันแทบจะระเบิดออกไปเพราะความเคียดแค้น ทุกครั้งที่พวกหนึ่งถูกโยนลงไปในมัน
ยามเฝ้านรกจะถามพวกเขาว่า มิได้มีผู้ตักเตือนมายังพวกเจ้าดอกหรือ
[67.9]
พวกเขากล่าวว่า มี ได้มีผู้ตักเตือนมายังเรา แต่พวกเราได้ปฏิเสธ และเรากล่าวอีกว่า
อัลลอฮ์มิได้ทรงประทานสิ่งใดลงมาพวกท่านต่างหากที่อยู่ในการหลงผิดอย่างมาก
[67.10]
และพวกเขากล่าวอีกว่า หากพวกเราฟังและใช้สติปัญญาใคร่ครวญ
พวกเราก็จะมิได้มาอยู่เป็นชาวนรกอย่างนี้ดอก
[67.11]
พวกเขายอมสารภาพในความผิดของพวกเขา แต่มันห่างไกลไปเสียแล้วสำหรับชาวนรก
[67.12]
แท้จริงบรรดาผู้ยำเกรงต่อพระเจ้าของพวกเขาโดยทางลับ
สำหรับพวกเขาจะได้รับการอภัยโทษและรางวัลอันใหญ่หลวง
[67.13]
และพวกเจ้าจงปิดบังคำพูดของพวกเจ้าหรือเปิดเผยมันก็ตาม
แท้จริงพระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในทรวงอก
[67.14]
พระผู้ทรงสร้างจะมิทรงรอบรู้ดอกหรือ ?
พระองค์คือผู้ทรงรอบรู้อย่างถี่ถ้วนผู้ทรงตระหนักยิ่ง
[67.15]
พระองค์คือผู้ทรงทำแผ่นดินนี้ให้ราบเรียบสำหรับพวกเจ้า
ดังนั้นจงสัญจรไปตามขอบเขตของมันและจงบริโภคจากปัจจัยยังชีพของพระองค์
และยังพระองค์เท่านั้นการฟื้นคืนชีพ
[67.16]
พวกเจ้าจะปลอดภัยละหรือ จากการที่พระองค์ทรงสถิตย์อยู่ ณ ฟากฟ้าจะให้แผ่นดินสูบพวกเจ้าแล้วขณะนั้นมันจะหวั่นไหว
[67.17]
หรือว่าพวกเจ้าจะปลอดภัยจากการที่พระผู้ทรงสถิตย์อยู่ ณ ฟากฟ้า
จะทรงส่งลมหอบก้อนกรวดให้กระหน่ำมายัง พวกเจ้า
แล้วพวกเจ้าจะได้รู้ว่าการตักเตือนของข้าเป็นเช่นใด ?
[67.18]
และโดยแน่นอน บรรดา (หมู่ชน) ก่อนหน้าพวกเขาได้ปฏิเสธมาก่อนแล้ว
ดังนั้นการปฏิเสธคำเตือนของข้ามีผลเป็นอย่างไร?
[67.19]
พวกเขามิได้มองไปดูนกที่ (บิน) อยู่เบื้องบนพวกเขาดอกหรือ? มันกาวปีกและหุบปีก (ของมัน)
ไม่มีผู้ใดจะไปดึงมันไว้ได้นอกจากพระผู้ทรงกรุณาปรานี
แท้จริงพระองค์ทรงมองเห็นทุกสิ่งอย่าง
[67.20] หรือผู้ใดเล่า
ซึ่งเขาเป็นพลพรรคของพวกเจ้าที่จะช่วยเหลือพวกเจ้าอื่นจากพระผู้ทรงกรุณาปรานี? พวกปฏิเสธศรัทธานั้นมิใช่อื่นใดเลยนอกจากในการหลอกลวงเท่านั้น
[67.21]
หรือผู้ใดเล่าซึ่งเขาจะให้ปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้า
หากพระองค์ทรงระงับปัจจัยยังชีพของพระองค์ไว้ แต่ว่าพวกเจ้าดื้อรั้นอยู่ในความหยิ่งยะโส
และห่าไกลจากความจริง
[67.22]
ผู้ที่เดินคว่ำคมำบนใบหน้าของเขาจะเป็นผู้ที่อยู่ในแนวทางที่ถูกต้องกว่า
หรือว่าผู้ที่เดินตัวตรงอยู่บนแนวทางที่เที่ยงตรง
[67.23]
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด พระองค์คือผู้ทรงบังเกิดพวกเจ้าจะขอบคุณ
[67.24] จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
พระองค์เป็นผู้ทรงแพร่เผ่าพันธ์ของพวกเจ้าในแผ่นดินและพวกเจ้าจะถูกรวบรวมให้กลับไปหาพระองค์
[67.25]
และพวกเขากล่าวว่า เมื่อใดเล่าสัญญานี้จะเกิดขึ้น หากพวกท่านเป็นผู้สัตย์จริง
[67.26]
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ความรู้ในเรื่องนั้นอยู่ที่อัลลอฮ์ ความจริงฉันเป็นเพียงผู้ตักเตือนอันแจ่มแจ้งเท่านั้น
[67.27]
ต่อเมื่อพวกเขาเห็นมัน (การลงโทษ) ใกล้เข้ามาแล้ว
ใบหน้าของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาก็จะหม่นหมอง และจะมีเสียงกล่าวว่า
นี่คือสิ่งที่พวกเจ้าร้องขอ (ในโลกดุนยา)
[67.28]
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด พวกท่านจะบอกฉันซิว่า หากอัลลอฮ์จะทรงทำลายฉันและผู้ที่อยู่ร่วมกับฉันหรือจะทรงเมตตาแก่พวกเรา
ดังนั้นผู้ใดเล่าจะช่วยพวกปฏิเสธศรัทธาให้พ้นจากการลงโทษอันเจ็บปวด
[67.29] จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด พระองค์คือพระผู้ทรงกรุณาปรานี
เราศรัทธาต่อพระองค์แล้วเราขอมอบหมายแด่พระองค์แล้วจะได้รู้ว่าใครผู้ใดอยู่ในการหลงผิดอันชัด
68. ซูเราะห์อัลก้อลัม
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์
ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[68.1] นูน
ขอสาบานด้วยปากกา และสิ่งที่พวกเขาขีดเขียน
[68.2]
ด้วยความโปรดปรานแห่งพระเจ้าของเจ้า เจ้ามิได้เป็นผู้เสียสติ
[68.3]
และแท้จริงสำหรับเจ้านั้นมีรางวัลอย่างมิขาดสาย
[68.4]
และแท้จริง เจ้านั้นอยู่บนคุณธรรมอันยิ่งใหญ่
[68.5]
แล้วเจ้าจะได้เห็นและพวกเขาก็จะได้เห็น
[68.6]
ว่าผู้ใดในหมู่พวกเจ้าคือผู้วิกลจิริต
[68.7]
แท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้นพระองค์ทรงรู้ดียิ่งถึงผู้ที่หลงจากทางของพระองค์
และพระองค์ทรงรู้ดียิ่งถึงผู้ที่อยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง
[68.8]
ดังนั้นเจ้าอย่าได้ปฏิบัติตามบรรดาผู้ปฏิเสธเลย
[68.9]
พวกเขาใคร่ที่จะเห็นว่า หากเจ้าอ่อนข้อ แล้วพวกเขาก็จะอ่อนข้อตาม
[68.10]
และเจ้าอย่าปฏิบัติตามทุกคนที่เป็นนักสาบานที่ต่ำช้า
[68.11]
ผู้นินทาตระเวนใส่ร้ายผู้อื่น
[68.12] ผู้ขัดขวางการทำความดี
ผู้อธรรมทำร้ายบาปหนา
[68.13]
เป็นคนหยาบคายเลวทราม ยิ่งกว่านั้นยังเป็นคนต่ำช้าแปลกปลอม
[68.14]
โดยถือว่าเขาเป็นผู้มีทรัพย์สินและมีบุตรหลานมาก
[68.15]
เมื่ออายาต (อัลกุรอาน) ทั้งหลายของเราถูกสาธยายแก่เขา
เขากล่าวว่าเป็นนิยายเหลวไหลสมัยก่อน
[68.16]
เราจะตีตราเขาบนปลายจมูก
[68.17]
แท้จริงเราได้ทดสอบพวกเขา ดั่งเช่นที่เราได้ทดสอบบรรดาเจ้าของสวน
เมื่อพวกเขาสาบานว่าจะเก็บเกี่ยวผลของมันในยามรุ่ง
[68.18]
และพวกเขามิได้กล่าวคำว่า อินชาอัลลอฮ์
[68.19] ดังนั้น
การลงโทษจากพระเจ้าของเจ้าก็ได้มาทำลายสวนนั้น ขณะที่พวกเขากำลังนอนหลับอยู่
[68.20]
ครั้นในตอนเช้า มันก็กลายเป็นเช่นถูกตัดอย่างราบเรียบ
[68.21]
ดังนั้นพวกเขาจึงกู่ตะโกนให้ตื่นแต่เช้าตรู่
[68.22]
จงเข้าไปในสวนของพวกท่านในตอนเช้าตรู่เถิด หากพวกท่านต้องการจะเก็บผลไม้
[68.23]
แล้วพวกเขาพากันออกไป แล้วพวกเขาพูดกระซิบซึ่งกันและกันอย่างเบา ๆ
[68.24] ว่า
วันนี้อย่าได้ให้คนยากจนขัดสนสักคนหนึ่ง เข้าไปหาพวกท่านในสวนนั้น
[68.25]
และพวกเขาก็ได้ออกไปแต่เช้า ตั้งใจว่าจะเก็บผลไม้ให้หมดก่อนที่ยากจนจะเข้าไปในสวน
[68.26]
ครั้นเมื่อพวกเขาเห็นสวน (อยู่ในสภาพที่ถูกทำลาย)
พวกเขาก็กล่าวขึ้นว่าแท้จริงพวกเราหลงทางเสียแล้ว
[68.27]
(บางคนกล่าวว่า) เปล่าดอก พวกเราถูกหวงห้ามสิทธิ์เสียแล้ว
[68.28]
คนที่มีสติปัญญาคนหนึ่งในหมู่พวกเขากล่าวว่า ฉันมิได้บอกพวกท่านดอกหรือว่า
ทำไม่พวกท่านจึงไม่กล่าวสดุดีแด่อัลลอฮ์
[68.29]
พวกเขาจึงกล่าวว่า มหาบริสุทธิ์แห่งพระเจ้าของเรา แท้จริงเรานั้นเป็นผู้อธรรม
[68.30]
แล้วบางคนในหมู่พวกเขาก็หันไปต่อว่าซึ่งกันแล้วกัน
[68.31]
พวกเขากล่าวว่าความหายนะประสบแก่เราแล้วเพราะเราเป็นผู้ละเมิดฝ่าฝืน
[68.32]
บางทีพระเจ้าของเรา จะทรงเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ดีกว่าให้แก่เรา แท้จริงเราหวังในความอภัยต่อพระเจ้าของเรา
[68.33]
เช่นนั้นแหละการลงโทษ และแน่นอนการลงโทษในปรโลกนั้นยิ่งใหญ่นัก หากพวกเขาล่วงรู้
[68.34] แท้จริง
สำหรับบรรดาผู้ยำเกรง ณ ที่พระเจ้าของพวกเขานั้นคือสวนสวรรค์หลากหลายแห่งบรมสุข
[68.35]
ดังนั้นจะให้เราปฏิบัติแก่บรรดาผู้นอบน้อมเสมือนกับเราปฏิบัติแก่บรรดาผู้กระทำผิดกระนั้นหรือ ?
[68.36]
เกิดอะไรขึ้นแด่พวกเจ้า ? ทำไมพวกเจ้าจึงตัดสินเช่นนั้น
[68.37]
หรือว่าที่พวกเจ้ามีคัมภีร์ไว้สำหรับอ่าน ?
[68.38]
ซึ่งในคัมภีร์นั้นมีสิ่งสำหรับพวกเจ้าที่พวกเจ้าจะเลือกเอาได้
[68.39] หรือว่าพวกเจ้าสัญญาผูกพันกับเราจนกระทั่งถึงวันกิยามะฮ์ว่า
แท้จริงสำหรับพวกเจ้านั้นจำได้ตามที่พวกเจ้าตัดสินเอาไว้
[68.40]
มุฮัมมัดจงถามพวกเขาดูว่า คนใดในหมู่พวกเขาจะเป็นหัวหน้าในการตัดสินเรื่องนั้น
[68.41]
หรือว่าพวกเขามีหุ้นส่วนกับอัลลอฮ์ก็จงให้พวกเขานำหุ้นส่วนเหล่านั้นของพวกเขามา
ถ้าหากพวกเขาสัตย์จริง
[68.42]
วันที่น้าแข้งจะถูกเลิกขึ้น (ในวันกิยามะฮ์ พระเจ้าจะมาตัดสินคดี
หน้าแข้งของพระองค์จะถูกเลิกขึ้น) และพวกเขาจะถูกเรียกให้มาสุญูด
แต่พวกเขาไม่สามารถจะสุญูดได้
[68.43]
สายตาของพวกเขาจะละห้อย ความต่ำต้อยจะปกคลุมพวกเขา
และแน่นอนพวกเขาเคยถูกเรียกให้มาสุญูดแล้วขณะที่พวกเขายังอยู่ในสภาพที่ปลอดภัยดี
[68.44]
ดังนั้นจงปล่อยให้ข้าเถิด สำหรับผู้ที่ปฏิเสธต่ออัลกุรอาน เราจะนำพวกเขาลงสู่
(การลงโทษ) ทีละขั้น โดยที่พวกเขาไม่รู้
[68.45]
และข้าจะประวิงเวลาให้แก่พวกเขาแท้จริงอุบายของข้านั้นแข็งแรงนัก
[68.46]
หรือว่าเจ้าได้ขอค่าตอบแทนจากพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงแบกภาระหนักเพราะมีหนี้
[68.47]
หรือว่าพวกเขารู้ในสิ่งเร้นลับ แล้วพวกเขาก็บันทึกเอาไว้
[68.48] ดังนั้น
เจ้า (มุฮัมมัด) จงอดทนต่อไปเถิดต่อบัญชาของพระเจ้าของเจ้า และอย่าเป็นดั่งเช่นเจ้าของปลา
(นบียูนุส) ขณะที่เขาวิงวอนเขาอยู่ในสภาพที่ระทมทุกข์
[68.49]
หากมิใช่เพราะความเมตตาจากพระเจ้าของเขามีมายังเขาแล้ว
เขาคงถูกเหวี่ยงไปยังที่โล่งเตียน และเขาจะถูกตำหนิด้วย
[68.50]
แต่พระเจ้าของเขาได้ทรงคัดเลือกเขา และทรงทำให้เขาอยู่ในหมู่ผู้กระทำความดี
[68.51]
และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้นแทบจะทำให้สายตาของพวกเขาจ้องเขม็งไปยังเจ้า
เมื่อพวกเขาได้ยินอัลกุรอานพวกเขาก็กล่าวว่าแท้จริงเขาเป็นคนบ้าแน่ ๆ
[68.52]
แต่อัลกุรอานนั้นมิใช่อื่นใดนอกจากเป็นข้อตักเตือนแก่ประชาชาติทั้งหมด
69. ซูเราะห์อัลหากเกาะฮ์
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์
ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[69.1]
สิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน (วันกิยามะฮ์)
[69.2]
สิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนนั้นคืออะไร
[69.3]
และอันใดเล่าทำให้เจ้ารู้ได้ว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนนั้นคืออะไร ?
[69.4]
พวกซะมูดและพวกอ๊าดได้ปฏิเสธวันกิยามะฮ์
[69.5] พวกซะมูด
ถูกทำลายด้วยเสียงกำปนาทที่น่ากลัว
[69.6] ส่วนพวกอ๊าด
ถูกทำลายด้วยลมพายุที่หนาวเหน็บ และเสียงดังก้อง
[69.7]
พระองค์ทรงให้อภัยนั้นเกิดขึ้นแก่พวกเขา เจ็ดคืนกับแปดวันต่อเนื่องกัน
แล้วเจ้าจะเห็นหมู่ชนนั้นนอนตายอยู่เช่นนั้นประหนึ่งต้นอินทผลัมที่กลางล้มระเนระนาด
[69.8]
แล้วเจ้าเห็นอะไรบ้างหลงเหลือสำหรับพวกเขา
[69.9]
ฟิรเอาน์และพวกก่อนหน้าเขา และพวกมุอ์ตะฟิกาต (เมืองของพวกลูฏซึ่งถูกพลิกแผ่นดิน)
ได้กระทำความผิด
[69.10]
พวกเขาได้ฝ่าฝืนต่อร่อซู้ลแห่งพระเจ้าของพวกเขา ดังนั้นพระองค์จึงทรงลงโทษพวกเขาอย่างหนัก
[69.11]
เมื่อน้ำท่วมสูงขึ้น แท้จริงเราได้บรรทุกพวกเจ้าไว้ในเรือของนูห์
[69.12]
เพื่อเราจักได้ทำให้มันเป็นเครื่องเตือนสติแก่พวกเจ้า
และหูที่สำเหนียกจะได้จดจำมันไว้อย่างแม่นยำ
[69.13]
ครั้นเมื่อเสียงเป่าครั้งแรกถูกเป่าขึ้นโดยสังข์ (เป็นสัญญาณแจ้งให้ทราบถึงวันกิยามะฮ์)
[69.14]
แผ่นดินและเทือกเขาจะถูกยกขึ้นแล้วมันทั้งสองจะถูกกระแทกกันแตกกระจายเป็นผุยผง
[69.15]
ในวันนั้นวันกิยามะฮ์ก็จะเกิดขึ้น
[69.16]
และชั้นฟ้าก็จะแยกออก แล้วมันก็จะอ่อนกำลังลงอย่างไม่เป็นระเบียบในวันนั้น
[69.17]
และมะลักก็จะปรากฏอยู่บนเวหาและ (มลาอิกะฮ์)
จำนวนแปดท่านจะทูนบังลังก์แห่งพระเจ้าของเจ้าไว้เบื้องบนพวกเขาในวันนั้น
[69.18]
วันนั้นพวกเจ้าจะถูกนำมาอยู่ต่อหน้าพระองค์
ไม่มีความลับอันใดจะถูกปิดบังแก่พวกเจ้า
[69.19]
ส่วนผู้ที่บันทึกของเขาถูกนำมายื่นให้ทางเบื้องขวาของเขา เขาจะกล่าวว่า
มาอ่านบันทึกของฉันซิ
[69.20]
ความจริงฉันนึกทีเดียวว่า ฉันจะได้พบบัญชีของฉัน
[69.21]
แล้วเขาจะมีความเป็นอยู่อย่างสุขสำราญ
[69.22]
ในสวนสวรรค์อันสูงส่ง
[69.23]
การเด็ดผลไม้ของมันอยู่แค่เอื้อมมือ
[69.24] พวกเจ้าจงกิน
จงดื่ม อย่างเกษมสำราญ เพราะสิ่งที่พวกเจ้าได้ปฏิบัติไว้ในวันเวลาที่ได้ผ่านมา
[69.25]
ส่วนผู้ที่บันทึกของเขาถูกนำมายื่นให้ทางเบื้องซ้ายของเขา เขาจะกล่าวว่า
ฉันภาวนาที่จะไม่ให้บันทึกของฉันถูกนำมายื่น
[69.26]
และไม่รู้เสียเลยว่าบัญชีของฉันจะเป็นเช่นใด
[69.27] โอ้
หากว่าความตายได้เกิดขึ้นเสียก็จะดี
[69.28]
ทรัพย์สมบัติของฉันไม่ได้คุ้มกันแก่ฉันเลย
[69.29]
อำนาจของฉันก็ได้สูญสิ้นไปจากฉันแล้ว
[69.30]
(จะมีคำบัญชาแก่มลาอิกะฮ์ว่า) จงนำเขาไป แล้วจำตรวนเสีย
[69.31]
แล้วโยนเขาเข้ากองไฟนรก
[69.32] แล้วล่ามโซ่เขา
ซึ่งความยาวของมันเจ็ดสิบศอก
[69.33] แท้จริง เขามิได้ศรัทธาต่ออัลลอฮ์
ผู้ยิ่งใหญ่
[69.34]
และเขามิได้ส่งเสริมให้อาหารแก่คนขัดสน
[69.35] ดังนั้น
วันนี้เขาจะไม่มีมิตรสนิท ณ ที่นี้
[69.36]
และไม่มีอาหารอย่างใด นอกจากน้ำหนองที่ไหลมาจากแผลของชาวนรก
[69.37]
ไม่มีผู้ใดกินมัน นอกจากบรรดาผู้กระทำความผิด
[69.38] เปล่าเลย
ข้าขอสาบานต่อสิ่งที่พวกเจ้ามองเห็น
[69.39]
และสิ่งที่พวกเจ้ามองไม่เห็น
[69.40]
แท้จริงอัลกรุอานนั้นคือคำกล่าวของร่อซู้ลผู้ทรงเกียรติ
[69.41]
และมิใช่คำกล่าวของนักกวี ส่วนน้อยเท่านั้นที่พวกเจ้าศรัทธา
[69.42]
และไม่ใช่คำกล่าวของนักพยากรณ์ส่วนน้อยเท่านั้นที่พวกเจ้าใคร่ครวญ
[69.43]
เป็นการประทานมาจากพระเจ้าแห่งสากลโลก
[69.44] และหากเขา
(มุฮัมมัด) เสกสรรกล่าวคำเท็จบางคำแก่เราแล้ว
[69.45]
เราก็จะจับเขาด้วยความมั่นคง
[69.46]
แล้วเราก็จะตัดเส้นชีวิตให้ขาดไปจากเขา
[69.47]
ดังนั้นจะไม่มีผู้ใดในหมู่พวกเจ้าเป็นผู้คุ้มกันเขาได้
[69.48]
และแท้จริงอัลกุรอานนั้นเป็นข้อเตือนสติแก่บรรดาผู้ยำเกรง
[69.49]
และแท้จริงเรารู้อย่างแน่นอนว่ามีบรรดาผู้ปฏิเสธอัลกุรอานในหมู่พวกเจ้า
[69.50]
และแท้จริงอัลกุรอานนั้น เป็นการเศร้าโศกเสียใจแก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา
[69.51] และแท้จริงอัลกุรอานนั้นคือความจริงอันเที่ยงแท้แน่นอน
[69.52]
ดังนั้นเจ้าจงให้ความบริสุทธิ์ด้วยพระนามแห่งพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
70. ซูเราะห์อัลมาอาริจญ์
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์
ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[70.1]
มีคนหนึ่งได้ขอการลงโทษที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
[70.2] สำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้นไม่มีผู้ปัดป้องใด
ๆ ให้พ้นจาการลงโทษไปได้
[70.3]
(การลงโทษนั้น) มาจากอัลลอฮ์ ผู้เป็นเจ้าของแห่งทางขึ้นสู่เบื้องสูง
[70.4]
มลาอิกะฮ์และอัรรูหฺ (ญิบรีล)
จะขึ้นไปหาพระองค์ในวันหนึ่งซึ่งกำหนดของมันเท่ากับห้าหมื่นปี (ของโลกดุนยานี้)
[70.5]
ดังนั้นเจ้าจงอดทนด้วยความอดทนที่ดีงามเถิด
[70.6]
แท้จริงพวกเขา (มุชริกีน) มองเห็นการลงโทษว่าเป็นเรื่องห่างไกล
[70.7]
แต่ว่าเราเห็นมัน (การลงโทษ) นั้นเป็นเรื่องใกล้
[70.8]
วันที่ท้องฟ้าจะเป็นเช่นทองแดงที่หลอมละลาย
[70.9]
และบรรดาภูเขาจะเป็นเช่นขนสัตว์ที่ปลิวว่อน
[70.10]
และมิตรสหายจะไม่ถามถึงกัน
[70.11]
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะประสานสายตาซึ่งกันและกันก็ตาม ผู้ประพฤติชั่วก็ใคร่จะไถ่ตน
ให้พ้นจากการลงโทษของอัลลอฮ์ในวันนั้นด้วยบุตรหลานของเขา
[70.12]
และด้วยภริยาของเขา และด้วยพี่น้องของเขา
[70.13]
และด้วยญาติพี่น้องของเขา ซึ่งได้ให้ที่พักอาศัยแก่เขา
[70.14]
และด้วยผู้ที่อยู่ในแผ่นดินทั้งมวล เพื่อที่จะให้เขารอดพ้นจากการลงโทษ
[70.15]
ไม่เลยทีเดียว แท้จริงมันเป็นไฟนรกที่ลุกโซน
[70.16]
หนังศีรษะถูกลอก ออก (เพราะความร้อนของไฟนรก)
[70.17]
มันจะเรียกผู้ที่ผินหลัง และหันห่างจากความจริง
[70.18]
และสะสมทรัพย์สินและปิดบังไว้
[70.19]
แท้จริงมนุษย์นั้นถูกบังเกิดมาเป็นคนหวั่นไหว
[70.20]
เมื่อความทุกข์ยากประสบแก่เขา ก็ตีโพยตีพายกลัดกลุ้ม
[70.21]
และเมื่อคุณความดีประสบแก่เขา ก็หวงแหน
[70.22]
นอกจากบรรดาผู้กระทำละหมาด
[70.23]
บรรดาผู้ที่ดำรงมั่นอยู่ในการทำละหมาดของพวกเขาเป็นประจำ
[70.24]
และบรรดาผู้ที่ในทรัพย์สินของพวกเขามีส่วนที่ถูกกำหนดไว้
[70.25]
สำหรับผู้ที่เอ่ยขอและผู้ที่ไม่เอ่ยขอ
[70.26]
และบรรดาผู้ที่เชื่อมั่นต่อวันแห่งการตอบแทน (วันกิยามะฮ์)
[70.27]
และบรรดาผู้ที่มีความหวาดหวั่นต่อการลงโทษแห่งพระเจ้าของพวกเขา
[70.28]
แท้จริงการลงโทษแห่งพระเจ้าของพวกเขาไม่เป็นที่ปลอดภัย
[70.29]
และบรรดาผู้ที่ระวังรักษาทวารของพวกเขา
[70.30]
นอกจากแก่คู่ครองของพวกเขา
หรือที่มือขวาของพวกเขาครอบครองในลักษณะเช่นนั้นพวกเขาจะไม่เป็นผู้ที่ถูกตำหนิ
[70.31]
ดังนั้นผู้ใดล่วงละเมิดนอกเหนือไปจากนั้น ชนเหล่านั้นพวกเขาเป็นผู้ละเมิด
[70.32]
และบรรดาผู้ที่ระวังรักษาสิ่งที่ได้รับมอบหมาย (อะมานะฮ์)
ของพวกเขาและคำมั่นสัญญาของพวกเขา
[70.33]
และบรรดาผู้ที่ดำรงมั่นต่อการเป็นพยานของพวกเขา
[70.34]
และบรรดาผู้ที่ดำรงรักษาในการละหมาดของพวกเขา
[70.35]
ชนเหล่านั้นจะอยู่ในสวนสวรรค์อันหลากหลายเป็นผู้ได้รับเกียรติ
[70.36]
มีอะไรเกิดขึ้นแก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาที่วิ่งกระหืดกระหอบมายังเจ้า (มุฮัมมัด)
[70.37]
พวกเขานั่งเป็นกลุ่ม ๆ ทางขวาหรือทางซ้ายของเจ้า
[70.38]
แต่ละคนในหมู่พวกเขาต่างก็อยากจะเข้าไปอยู่ในสวนสวรรค์อันสุขสำราญกระนั้นหรือ
[70.39]
ไม่เลยทีเดียวแท้จริงเราได้สร้างพวกเขาจากสิ่งที่พวกเขารู้กันดี
[70.40]
ข้าขอสาบานต่อพระเจ้าแห่งบรรดาทิศตะวันออก และบรรดาทิศตะวันตกว่า แท้จริงเรา
(อัลลอฮ์) เป็นผู้เดชานุภาพอย่างแน่นอน
[70.41] ต่อการที่เราจะเปลี่ยนตัวแทนซึ่งดีกว่าพวกเขาและเราจะไม่เป็นผู้หมดความสามารถ
[70.42] ดังนั้น
เจ้าจงปล่อยพวกเขาให้มั่วสุมและหลงระเริง จนกว่าพวกเขาจะได้พบกับวัน (กิยามะฮ์)
ของพวกเขา ซึ่งพวกเขาถูกสัญญาไว้
[70.43]
วันที่พวกเขาจะออกมาจากหลุมฝังศพอย่างรีบเร่งคล้ายกับพวกเขาวิ่งกรูไปยังเจว็ดของพวกเขา
[70.44] สายตาของพวกเขาละห้อยเศร้าสลดความอัปยศปกคลุมพวกเขา
นั่นคือวันที่พวกเขาถูกสัญญาไว้
71. ซูเราะห์นูห์
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[71.1]
แท้จริงเราได้ส่งนูห์ไปยังหมู่ชนของพวกเขา (โดยบัญชาว่า) เจ้าจงตักเตือนหมู่ชนของเจ้า
ก่อนที่การลงโทษอันเจ็บปวดจะมาถึงพวกเขา
[71.2] เขากล่าวว่า โอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย
แท้จริงฉันคือผู้ตักเตือนอันชัดแจ้งของพวกท่าน
[71.3] พวกท่านจงเคารพภักดีอัลลอฮ์เถิด
และจงยำเกรงพระองค์ และลงเชื่อฟังปฏิบัติตามฉัน
[71.4] พระองค์จะทรงอภัยโทษให้แก่พวกท่านในความผิดของพวกท่าน
และจะทรงผ่อนผัน พวกท่านจนกระทั่งถึงวาระที่ถูกกำหนดไว้ แท้จริงวาระของอัลลอฮ์นั้น
เมื่อมาถึงแล้วมันจะไม่ยืดเวลาต่อไปอีก หากพวกท่านได้รู้
[71.5] เขากล่าวว่า
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ แท้จริงข้าพระองค์ได้เรียกร้องเชิญชวนหมู่ชนของข้าพระองค์ทั้งกลางคืนและกลางวัน
[71.6]
แต่การเรียกร้องเชิญชวนของข้าพระองค์มิได้เพิ่มพูนสิ่งใดแก่เขา นอกจากการหลบหนี
[71.7]
และแท้จริงทุกครั้งที่ข้าพระองค์เรียกร้องเชิญชวนพวกเขาเพื่อที่พระองค์ท่านจะได้อภัยโทษให้แก่พวกเขา
พวกเขาก็เอานิ้วอุดรูหูของพวกเขา และเอาเสื้อผ้าของพวกเขาคลุมโปง
และพวกเขายังดื้อรั้น และหยิ่งยโสด้วยความจองหอง
[71.8]
ครั้นแล้วข้าพระองค์ได้เรียกร้องเชิญชวนพวกเขาอย่างเปิดเผย
[71.9]
และข้าพระองค์ได้ประกาศแก่พวกเขาอย่างเปิดเผย
อีกทั้งข้าพระองค์ยังได้บอกกล่าวแก่พวกเขาอย่างลับๆอีกด้วย
[71.10] ข้าพระองค์ได้กล่าวว่า
พวกท่านจงขออภัยโทษต่อพระเจ้าของพวกท่านเถิด
เพราะแท้จริงพระองค์ทรงเป็นผู้ทรงอภัยโทษอย่างแท้จริง
[71.11]
พระองค์จะทรงหลั่งน้ำฝนอย่างมากมายแก่พวกท่าน
[71.12]
และพระองค์จะทรงเพิ่มพูนทรัพย์สินและลูกหลานแก่พวกท่าน
และจะทรงทำให้มีส่วนมากหลายแก่พวกท่าน และจะทรงทำให้มีลำน้ำมากหลายแก่พวกท่าน
[71.13]
ทำไมพวกท่านถึงไม่สำนึกถึงความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮ์
[71.14] และโดยแน่นอน
พระองค์ทรงสร้างพวกท่านตามลำดับขั้นตอน
[71.15] พวกเจ้าไม่เห็นดอกหรือ
ว่าพระองค์ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งเจ็ดเป็นชั้นๆอย่างไร
[71.16] และพระองค์ทรงทำให้ดวงจันทร์ในชั้นฟ้าเหล่านั้นมีแสงสว่าง
และทรงทำให้ดวงอาทิตย์มีแสงจ้า
[71.17]
และอัลลอฮ์ทรงบังเกิดพวกท่านมาจากแผ่นดินเช่นพืชผัก
[71.18] และทรงทำให้พวกท่านกลับคืนสู่แผ่นดิน
และจะทรงให้พวกท่านออกมาอีกเพื่อฟื้นคืนชีพ
[71.19] และอัลลอฮ์ทรงทำให้แผ่นดินนี้ราบเรียบกว้างใหญ่สำหรับพวกท่าน
[71.20]
เพื่อพวกท่านจะได้สัญจรไปมาตามพื้นที่โล่งกว้างนั้น
[71.21] นูห์ได้กล่าวว่า
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ แท้จริงพวกเขาได้ฝ่าฝืนข้าพระองค์
และเชื่อฟังผู้ที่ทรัพย์สินของเขา และลูกหลานของเขามิได้เพิ่มพูนอันใดแก่พวกเขา
นอกจากการขาดทุน
[71.22] และพวกเขาได้วางแผนร้ายอันยิ่งใหญ่
[71.23] และพวกเขาได้กล่าวว่า
พวกท่านอย่าได้ทอดทิ้งพระเจ้าทั้งหลายของพวกท่านเป็นอันขาด
พวกท่านอย่าได้ทอดทิ้งวัดดฺ และสุวาอ์ และยะฆูษ และยะอู๋ก และนัซรฺ เป็นอันขาด
[71.24] และโดยแน่นอน พวกเขาได้ทำให้หมู่ชนจำนวนมากหลง
ดังนั้นขอพระองค์ท่านอย่าได้เพิ่มอันใดแก่พวกอธรรมเหล่านั้น
นอกจากการหลงผิดเท่านั้น
[71.25]
อันเนื่องมาจากความผิดอันมากหลายของพวกเขา พวกเขาจึงถูกจมน้ำตาย
และจะถูกให้เข้าอยู่ในไฟนรก
ดังนั้นพวกเขาจะไม่ได้พบผู่ชวยเหลือสำหรับพวกเขาอื่นนอกจากอัลลอฮ์
[71.26] และนัวหฺได้กล่าวว่า
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์
ขอพระองค์ทรงอย่าปล่อยให้พวกปฏิเสธศรัทธาหลงเหลืออยู่ในแผ่นดินนี้เลย
[71.27] เพราะแท้จริง
หากพระองค์ทรงปล่อยให้พวกเขาหลงเหลืออยู่ พวกเขาก็จะทำให้ปวงบ่าวของพระองค์หลงผิด
และพวกเขานั้นจะให้กำเนิดแต่พวกเลวทราม พวกปฏิเสธศรัทธาเท่านั้น
[71.28]
ข้าแต่พวกเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงอภัยโทษให้แก่ข้าพระองค์ และพ่อแม่ของข้าพระองค์
และผู้ที่เข้ามาในบ้านของข้าพระองค์เป็นผู้ศรัทธา และบรรดาผู้ศรัทธาชาย
และบรรดาผู้ศรัทธาหญิง และพระองค์ท่านอย่าได้เพิ่มอันใดแก่พวกอธรรมเหล่านั้น
นอกจากความพินาศหายนะเท่านั้น
72. ซูเราะห์อัลญิน
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[72.1] จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดว่า
ได้มีวะฮีย์ยฺมายังฉันว่า แท้จริงพวกญินจำนวนหนึ่งได้ฟังฉัน (อ่านกุรอาน)
และพวกเขากล่าวว่า แท้จริงเราได้ยินกุรอานที่แปลกประหลาด
[72.2] นำไปสู่ทางที่ถูกต้อง
ดังนั้นพวกเราจึงศรัทธาต่ออัลกุรอานนั้น
และเราจะไม่ตั้งสิ่งใดเป็นภาคีต่อพระเจ้าของเรา
[72.3] และความจริงนั้น
ความยิ่งใหญ่แห่งพระเจ้าของเรานั้นทรงสูงส่งยิ่ง พระองค์ไม่มีภริยาและไม่มีบุตร
[72.4] และแท้จริง คนโง่ในหมู่พวกเราได้กล่าวร้ายต่ออัลลอฮ์อย่างเกินเหตุ
[72.5] และแท้จริงเราคาดคิดว่า
มนุษย์และญินจะไม่กล่าวเท็จต่ออัลลอฮ์เป็นอันขาด
[72.6]
และแท้จริงมนุษย์บางคนเคยขอความคุ้มครองจากญินบางคน ดังนั้นพวกเขา (มนุษย์)
จึงทำให้พวกเขา (ญิน) เพิ่มการหยิ่งจองหองยิ่งขึ้น
[72.7] และแท้จริงพวกเขา (มนุษย์)
คาดคิดเช่นเดียวกับที่พวกท่าน (ญิน) คาดคิดว่าอัลลอฮ์ จะไม่ทรงแต่งตั้งผู้ใดขึ้น
(เป็นร่อซู้ล)
[72.8] และแท้จริงเราได้ค้นคว้าหาข่าว ณ
ชั้นฟ้า แต่เราได้พบ ณ ที่นั่งเต็มไปด้วยยามเฝ้าผู้เข้มแข็งและเปลวเพลิง
[72.9] และแท้จริงเราเคยนั่ง ณ
สถานที่นั่งในท้องฟ้านั้นเพื่อฟัง
แต่ขณะนี้ผู้ใดนั่งฟังเขาก็จะพบเปลวเพลิงถูกเตรียมไว้สำหรับเขา
[72.10] และแท้จริงเราไม่รู้ดอกว่า
ความชั่วร้ายนั้นจะถูกให้มีขึ้นแก่ผู้ที่อยู่ในแผ่นดินนี้
หรือว่าพระเจ้าของพวกเขาปรารถนาแนวทางที่ถูกต้องแก่พวกเขา
[72.11]
และแท้จริงในหมู่พวกเรานั้นมีคนดีและในหมู่พวกเราก็มีคนอื่นจากนั้น
พวกเราอยู่ในแนวทางที่แตกต่างกัน
[72.12] และแท้จริงเราคาดคิดว่า
เราจะไม่รอดพ้นจาก (การลงโทษ) ของอัลลอฮ์ในแผ่นดินนี้
และเราจะหนีไม่รอดพ้นไปจากพระองค์
[72.13] และแท้จริงเมื่อเราได้ยินอัลกุรอานเราก็ศรัทธาต่ออัลกุรอานนั้น
ดังนั้นผู้ใดศรัทธาต่อพระเจ้าของเขา เขาก็จะไม่หวั่นเกรงต่อการขาดทุน
และการอยุติธรรม
[72.14]
และแท้จริงในหมู่พวกเรามีผู้ที่เป็นมุสลิม และในหมู่พวกเรามีผู้อธรรม
ดังนั้นผู้ใดนอบน้อม ชนเหล่านั้นพวกเขาได้มุ่งสู่แนวทางที่ถูกต้อง
[72.15]
และส่วนบรรดาผู้ที่หันห่างออกจากความจริง พวกเขาก็เป็นฟืนของไฟนรก
[72.16]
และหากพวกเขาธำรงมั่นอยู่บนแนวทางที่เที่ยงธรรม
แน่นอนเราก็จะให้พวกเขามีริซกีกว้างขวาง
[72.17] เพื่อเราจะทดสอบพวกเขาในเรื่องนี้
และผู้ใดหันห่างจากการรำลึกถึงพระเจ้าของเขา พระองค์จะให้เขาได้รับการลงโทษอันแสนสาหัส
[72.18]
และว่าแท้จริงบรรดามัสยิดนั้นเป็นของอัลลอฮ์ ดังนั้น
พวกเจ้าอย่าวิงวอนขอผู้ใดเคียงคู่กับอัลลอฮ์
[72.19] และว่าแท้จริงเมื่อบ่าวของอัลลอฮ์
(มุฮัมมัด) ยืนขึ้นกล่าววิงวอนขอต่อพระองค์พวกเขา (ญิน)
ก็ได้ห้อมล้อมเขาอย่างหนาแน่น
[72.20] จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ว่า
แท้จริงฉันวิงวอนขอต่อพระเจ้าของฉัน และฉันจะมิตั้งผู้ใดเป็นภาคีต่อพระองค์
[72.21] จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดว่า
แท้จริงฉันไม่มีอำนาจที่จะให้โทษและให้คุณแก่พวกท่าน
[72.22] จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดว่า
ไม่มีผู้ใดจะคุ้มครองฉันให้พ้นจาก (การลงโทษของ) อัลลอฮ์ได้
และฉันจะไม่พบที่พึ่งอันใดอื่นจากพระองค์เลย
[72.23] เว้นแต่ฉันจะเผยแผ่ (สิ่งที่รับ)
จากอัลลอฮ์ และสาส์นของพระองค์ และผู้ใดฝ่าฝืนอัลลอฮ์
และร่อซู้ลของพระองค์แท้จริงสำหรับ เขานั้นคือไฟนรก เป็นผู้พำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล
[72.24] จนกระทั่งเมื่อพวกเขาได้เห็นสิ่งที่พวกเขาถูกสัญญาไว้
แล้วพวกเขาก็จะได้รู้ว่าใครเป็นผู้อ่อนแอยิ่งในการเป็นผู้ช่วยเหลือและมีจำนวนน้อยกว่า
[72.25] จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
ฉันไม่รู้สิ่งที่พวกท่านถูกสัญญาไว้นั้น
หรือว่าพระเจ้าของฉันจะทรงกำหนดเวลาการลงโทษนั้นให้ห่างไกลออกไป
[72.26] พระผู้ทรงรอบรู้สิ่งเร้นลับ
ดังนั้นพระองค์จะไม่ทรงเปิดเผยสิ่งเร้นลับของพระองค์แก่ผู้ใด
[72.27]
นอกจากผู้ที่พระองค์ทรงยินดีเช่นร่อซู้ล
ดังนั้นพระองค์จะทรงส่งผู้พิทักษ์เฝ้าดูแลข้างหน้าและข้างหลังเขา
[72.28]
เพื่อพระองค์จะทรงรู้ว่า แน่นอนพวกเขาได้เผยแผ่สาส์นของพระเจ้าของพวกเขาแล้ว
และพระองค์ได้ทรงห้อมล้อม (รอบรู้) ทุกสิ่งที่อยู่ ณ ที่พวกเขา
และพระองค์ทรงนับจำนวนทุก ๆ สิ่งไว้อย่างครบถ้วน
73. ซูเราะห์อัลมุซัมมิล
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[73.1] โอ้ ผู้คลุมกายอยู่เอ๋ย
[73.2] จงยืนขึ้น (ละหมาด) เวลากลางคืน
เว้นแต่เพียงเล็กน้อย (ไม่ใช่ตลอดคืน)
[73.3] ครึ่งหนึ่งของเวลากลางคืน
หรือน้อยกว่านั้นเพียงเล็กน้อย
[73.4] หรือมากกว่านั้น และจงอ่านอัลกุรอานช้า
ๆ เป็นจังหวะ (ชัดถ้อยชัดคำ)
[73.5] แท้จริงเราจะประทานวจนะ (วะฮีย์ยฺ)
อันหนักหน่วงแก่เจ้า
[73.6] แท้จริงการตื่นขึ้นในเวลากลางคืนนั้นเป็นเวลาที่ประทับใจยิ่งและเป็นการอ่านที่ชัดเจนยิ่ง
[73.7]
แท้จริงสำหรับเจ้านั้นในเวลากลางวันมีภารกิจมากมาย
[73.8] และจงรำลึกถึงพระนามแห่งพระเจ้าของเจ้า
และจงตั้งจิตมั่นต่อพระองค์อย่างเคร่งครัด
[73.9] พระเจ้าแห่งทิศตะวันออกและทิศตะวันตก
ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ดังนั้นจงยึดพระองค์ให้เป็นผู้คุ้มครองเถิด
[73.10]
และจงอดทนต่อสิ่งที่พวกเขากล่าวร้ายและจงแยกตัวออกจากพวกเขาด้วยการแยกตัวอย่างสุภาพ
[73.11]
และจงปล่อยข้ากับบรรดาผู้ปฏิเสธผู้สำราญ และจงผ่อนผันให้แก่พวกเขาสักเล็กน้อย
[73.12] แท้จริง ณ
ที่เรานั้นมีตรวนและกองไฟลุกโชน
[73.13]
และอาหารที่ติดลำคอและการลงโทษอันเจ็บปวด
[73.14]
วันที่แผ่นดินและภูเขาจะสั่นสะเทือนและภูเขาจะกลายเป็นกองทรายไหลพรู
[73.15]
แท้จริงเราได้ส่งร่อซู้ลคนหนึ่งไปยังพวกเจ้า เพื่อเป็นพยานต่อพวกเจ้า ดังที่เราได้ส่งร่อซู้ลคนหนึ่งไปยังฟิรเอาน์
[73.16] แต่ฟิรเอาน์ได้ฝ่าฝืนร่อซู้ลคนนั้น
ดังนั้นเราจึงได้ลงโทษเขาด้วยการลงโทษอย่างหนักหน่วง
[73.17] ถ้าพวกเจ้าปฏิเสธ
ดังนั้นพวกเจ้าจะปกป้องตนเองต่อวันนั้นได้อย่างไรเล่า ซึ่งจะทำให้เด็กๆ
กลายเป็นแก่ (มีผมสีขาวเพราะความตกใจกลัว)
[73.18] (วันนั้น) ชั้นฟ้าจะปริแยกออก
และสัญญาของพระองค์จะต้องเกิดขึ้น (อย่างไม่ต้องสงสัย)
[73.19] แท้จริง นี่คือข้อเตือนสติ
ดังนั้นผู้ใดประสงค์ก็พึงยึดถือเป็นแนวทางไปสู่พระเจ้าของเขาเถิด
[73.20]
และอัลลอฮ์ทรงกำหนดเวลากลางคืนและกลางวัน พระองค์ทรงรู้ดีว่าพวกเจ้าไม่สามารถที่จะกำหนดเวลาได้
ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงทรงผ่อนผันให้แก่พวกเจ้า
ดังนั้นพวกเจ้าจงอ่านอัลกุรอานตามแต่สะดวกเถิด พระองค์ทรงรู้ดีว่า
อาจมีบางคนในหมู่พวกเจ้าเป็นคนป่วย และบางคนอื่น ๆ ต้องเดินทางไปดินแดนอื่น
เพื่อแสวงหาจากความโปรดปรานของอัลลอฮ์ และบางคนอื่นต่อสู้ในทางของอัลลอฮ์
ดังนั้นพวกเจ้าจงอ่านตามสะดวกจากอัลกุรอานเถิด
และจงดำรงไว้ซึ่งการละหมาดและจงบริจาคซะกาต และจงให้อัลลอฮ์ยืมอย่างดีเยี่ยมเถิด
และความดีอันใดที่พวกเจ้าได้กระทำไว้เพื่อตัวของพวกเจ้าเองพวกเจ้าก็จะพบมัน ณ
ที่อัลลอฮ์ ซึ่งเป็นความดีและผลตอบแทนก็ยิ่งใหญ่กว่า
ดังนั้นพวกเจ้าจงขออภัยโทษต่ออัลลอฮ์ แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงอภัย
ผู้ทรงเมตตาเสมอ
74. อัลมุดดัซซิร
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์
ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี
[74.1]
โอ้ผู้ห่มกายอยู่เอ๋ย
[74.2] จงลุกขึ้น
แล้วประกาศตักเตือน
[74.3]
และแด่พระเจ้าของเจ้า จงให้ความเกียงไกร (ต่อพระองค์)
[74.4]
และเสื้อผ้าของเจ้า จงทำให้สะอาด
[74.5]
และสิ่งสกปรกก็จงหลบหลีกให้ห่างเสีย
[74.6]
และอย่าทำคุณ เพื่อหวังการตอบแทนอันมากมาย
[74.7]
และเพื่อพระเจ้าของเจ้าเท่านั้นจงอดทน
[74.8] ในที่สุด
เมื่อเสียงเป่าถูกเป่าขึ้น
[74.9] นั่นคือ
วันนั้น วันแห่งความยากลำบาก
[74.10]
แก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา มิใช่เป็นเรื่องง่าย
[74.11]
จงปล่อยข้าไว้กับผู้ที่ข้าได้สร้างเขาไว้แต่ลำพังเถิด
[74.12]
และข้าได้ทำให้เขามีทรัพย์สมบัติอย่างล้นเหลือ
[74.13]
และลูกหลานอย่างพรั่งพร้อม
[74.14] และข้าได้ทำให้เขาสุขสบายอย่างราบรื่น
[74.15]
แล้วเขายังโลภที่จะให้ข้าเพิ่มพูนแก่เขาอีก
[74.16] เปล่าเลย ! เพราะว่าเขาเป็นผู้ดื้อรั้นต่อสัญญาณต่าง
ๆ ของเรา
[74.17]
ในไม่ช้าข้าจะเพิ่มพูนความยากลำบากแก่เขา
[74.18]
แท้จริงเขาได้ใคร่ครวญและคาดคะเน
[74.19]
ดังนั้นเขาได้รับความหายนะ เขาจะคาดคะเนได้อย่างไร
[74.20]
แล้วเขาได้รับความหายนะ เขาจะคาดคะเนได้อย่างไร
[74.21]
แล้วเขาได้ตรึกตรอง
[74.22]
แล้วเขาทำหน้าบูดบึ้ง และทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
[74.23]
แล้วเขาก็ผินหลังออกไป และหยิ่งผยอง
[74.24]
แล้วเขากล่าวว่า นี่มิใช่อื่นนอกจากเป็นมายากลที่สืบทอดกันมา
[74.25]
นี่มิใช่อื่นใดนอกจากเป็นคำพูดของปุถุชน
[74.26]
ในไม่ช้าข้าจะโยนเขาเข้าสู่กองไฟที่เผาไหม้
[74.27]
และอันใดเล่าทำให้เจ้ารู้ได้ว่า สิ่งที่เผาไหม้นั้นคืออะไร
[74.28]
มันจะไม่เหลืออะไรเลย และมันจะไม่ปล่อยผู้ใดให้คงเหลือไว้ (เช่นกัน)
[74.29]
มันจะเผาไหม้ผิวหนังจนเกรียมดำ
[74.30]
เหนือมันมีมลาอิกะฮ์สิบเก้าท่าน
[74.31]
และเรามิได้แต่งตั้งผู้ใดเป็นยามเฝ้าประตูนรก นอกจากมลาอิกะฮ์เท่านั้น
และเรามิได้กำหนดจำนวนของพวกเขาไว้
เว้นแต่เพื่อเป็นการทดสอบแก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา เพื่อบรรดาอะฮ์ลุลกิตาบจะได้เชื่อมั่น
และบรรดาผู้ศรัทธาจะได้เพิ่มพูนการศรัทธา
และบรรดาอะฮ์ลุลกิตาบรวมทั้งบรรดาผู้ศรัทธาจะไม่ต้องสงสัย
และเพื่อบรรดาผู้ในหัวใจของพวกเขามีโรคอีกทั้งบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาจะกล่าวว่า
อัลลอฮ์ทรงประสงค์อะไรด้วยอุปมานี้ เช่นนั้นแหละอัลลอฮ์จะทรงให้หลงทางผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์
และจะทรงชี้แนะทางแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และไม่มีผู้ใดรู้จำนวนไพร่พลของพระเจ้าของเจ้านอกจากพระองค์
และนี่มิใช่อื่นใดนอกจากเป็นข้อตักเตือนแก่มนุษย์
[74.32] เปล่าเลย
ขอสาบานด้วยดวงจันทร์
[74.33]
ขอสาบานด้วยกลางคืนเมือมันคล้อยไป
[74.34]
ขอสาบานด้วยยามเช้าเมื่อมันทอแสง
[74.35]
แท้จริงนรกนั้นแน่นอนเป็นหนึ่งในความหายนะอันใหญ่หลวง
[74.36]
เพื่อเป็นการเตือนสำทับแก่มนุษย์
[74.37]
สำหรับผู้ที่ประสงค์ในหมู่พวกเจ้าจะรุดหน้า (ไปสู่ความดี) หรือจะรั้งท้าย
(เพื่อกระทำความชั่ว)
[74.38]
แต่ละชีวิตย่อมถูกค้ำประกันกับสิ่งที่มันขวนขวายไป
[74.39]
ยกเว้นบรรดาผู้อยู่เบื้องขวา
[74.40]
อยู่ในสวนสวรรค์หลากหลาย พวกเขาจะไต่ถามซึ่งกันและกัน
[74.41]
เกี่ยวกับพวกที่กระทำความผิด
[74.42]
อะไรที่นำพวกท่านเข้าสู่กองไฟที่เผาไหม้
[74.43]
พวกเขากล่าวว่า เรามิได้อยู่ในหมู่ผู้ทำละหมาด
[74.44]
เรามิได้ให้อาหารแก่บรรดาผู้ขัดสน
[74.45]
และพวกเราเคยมั่วสุมอยู่กับพวกที่มั่วสุม
[74.46]
และเราเคยปฏิเสธวันแห่งการตอบแทน
[74.47]
จนกระทั่งความตายได้มาเยือนเรา
[74.48]
ดังนั้นการชะฟาอะฮ์ของบรรดาผู้มีชะฟาอะฮ์จะไม่เกิดประโยชน์อันใดแก่พวกเขา
[74.49]
ดังนั้นเกิดอะไรขึ้นแก่พวกเขา โดยทีพวกเขาผินหลังออกห่างจากการเตือนสติ
[74.50]
ประหนึ่งว่าพวกเขาเป็นลาเปรียวที่ตื่นตระหนก
[74.51]
หนีจากเสือสิง
[74.52]
แท้จริงแล้วทุกคนในหมู่พวกเขาต้องการที่จะมีแผ่นกระดาษกางแผ่ยืนมาให้แก่เขา
[74.53]
ไม่เลยทีเดียว! ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังไม่กลัววันปรโลกอีกด้วย
[74.54]
เปล่ามิได้! แท้จริงนั่นคือข้อเตือนสติ
[74.55]
ฉะนั้นผู้ใดประสงค์เขาก็จะจดจำรำลึกไว้
[74.56] และพวกเขาจะไม่จดจำรำลึกได้ เว้นแต่อัลลอฮ์จะทรงประสงค์
พระองค์เท่านั้นคือพระเจ้าแห่งการยำเกรงและพระเจ้าแห่งการให้อภัย
75. ซูเราะห์อัลกิยามะฮ์
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[75.1] ข้าสาบานต่อวันกิยามะฮ์
[75.2] และข้าขอสาบานต่อชีวิตที่ประณามตนเอง
[75.3] มนุษย์คิดหรือว่า
เราจะไม่รวบรวมกระดูกของเขากระนั้นหรือ
[75.4] แน่นอนทีเดียวเราสามารถที่จะทำให้ปลายนิ้วมือของเขาอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์
[75.5]
แต่ว่ามนุษย์นั้นประสงค์ที่จะทำความชั่ว
[75.6] เขาถามว่า
เมื่อใดเถ่าวันแห่งการฟื้นคืนชีพ (จะเกิดขึ้น)
[75.7] แต่เมื่อสายตามืดมัว
[75.8]
และเมื่อดวงจันทร์ถูกบดบังอยู่ในความมืด
[75.9] และเมื่อดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ถูกนำมารวมกัน
[75.10]
วันนั้นมนุษย์จะกล่าวขึ้นว่าไหนเล่าทางหนี
[75.11] เปล่าเลย ไม่มีที่พึ่งพิงดอก
[75.12] ในวันนั้น ยังพระเจ้าของเจ้าเท่านั้น
คือที่พักอันสงบสุข
[75.13]
วันนั้นมนุษย์จะถูกแจ้งให้ทราบถึงสิ่งที่ได้กระทำไว้ล่วงหน้าและภายหลัง
[75.14] เปล่าเลย มนุษย์นั้นเป็นพยานต่อตัวของเขาเอง
[75.15]
ถึงแม้ว่าเขาจะเสนอข้อแก้ตัวของเขาก็ตาม
[75.16]
เจ้าอย่ากระดิกลิ้นของเจ้าเนื่องด้วยอัลกุรอานเพื่อเจ้าจะรีบเร่งจดจำ
[75.17] แท้จริง
หน้าที่ของเราคือการรวบรวมอัลกุรอาน (ให้อยู่ในทรวงอกของเจ้า)
และการอ่านเพื่อให้จดจำ
[75.18] ดังนั้นเมื่อเราอ่านอัลกุรอาน
เจ้าก็จงติดตามการอ่านนั้น
[75.19] แล้วแท้จริงหน้าที่ของเราคือ
การอธิบายอัลกุรอาน
[75.20] เปล่าเลย แต่ว่าพวกเจ้ารักการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้
[75.21] และพวกเจ้าจะทิ้งปรโลก
[75.22] ในวันนั้นหลาย ๆ ใบหน้าจะเบิกบาน
[75.23] จ้องมองไปยังพระเจ้าของมัน
[75.24] และในวันนั้นหลาย ๆ ใบหน้าจะเศร้าสลด
[75.25]
มันคิดว่าความหายนะอันใหญ่หลวงจะเกิดขึ้นแก่มัน
[75.26] เปล่าเลย เมื่อวิญญาณขึ้นมาถึงคอหอย
[75.27] และมีผู้กล่าวว่า
ใครเล่าเป็นผู้ทำให้เขาฟื้นขึ้นเหมือนเดิม
[75.28] และเขามั่นใจว่า แท้จริงเขาต้องจากไป
[75.29] และขาข้างหนึ่งทับขาอีกข้างหนึ่ง
(เพราะความกลัว)
[75.30] วันนั้น
จะมีการนำพาไปยังพระเจ้าของเจ้า
[75.31] เพราะว่าเขาไม่เชื่อมั่น และไม่ละหมาด
[75.32] แต่เขาปฏิเสธและผินหลังกลับ
[75.33]
แล้วเขาก็เดินอย่างองอาจไปหาพรรคพวกของเขาอย่างหยิ่งยะโส
[75.34] ความวิบัติจงมีแด่เจ้าเถิด
แล้วก็ความวิบัติจงมีแด่เจ้าเถิด
[75.35] แล้วก็ความวิบัติจงมีแด่เจ้าเถิด
แล้วก็ความวิบัติจงมีแด่เจ้าเถิด
[75.36] มนุษย์คิดหรือว่า
เขาจะถูกปล่อยไว้โดยไร้จุดหมายกระนั้นหรือ
[75.37]
เขามิได้เป็นน้ำกามหยดหนึ่งจากน้ำอสุจิที่ถูกพุ่งออกมากระนั้นหรือ
[75.38]
แล้วเขาได้เป็นก้อนเลือดก้อนหนึ่งแล้วพระองค์ทรงบังเกิดแล้วก็ทรงทำให้ได้สัดส่วนสมบูรณ์
[75.39] แล้วพระองค์ทรงทำให้เขาเป็นคู่
เป็นเพศชายและเพศหญิง
[75.40] ดังนั้น
พระองค์จะไม่สามารถที่จะให้คนตายมีชีวิตขึ้นมาอีกกระนั้นหรือ
76. ซูเราะห์อัลอินซาน
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[76.1]
แน่นอนกาลเวลาที่ยาวนานได้เกิดขึ้นแก่มนุษย์
เมื่อเขามิได้เป็นสิ่งที่ถูกกล่าวถึงเลย
[76.2]
แท้จริงเราได้สร้างมนุษย์จากน้ำเชื้อผสมหยดหนึ่ง เพื่อเราได้ทดสอบเขา
ดังนั้นเราจึงทำให้เขาเป็นผู้ได้ยิน เป็นผู้ได้เห็น
[76.3]
แท้จริงเราได้ชี้แนะแนวทางให้แก่เขาแล้ว บางทีเขาก็เป็นผู้กตัญญู
และบางทีเขาก็เป็นผู้เนรคุณ
[76.4] แท้จริงเราได้เตรียมโซ่ตรวน
และกุญแจมือ และไฟที่ลุกโชติช่วงไว้สำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา
[76.5] แท้จริงบรรดาผู้ทรงคุณธรรมนั้น
จะได้ดื่มจากแก้วน้ำ ซึ่งผสมด้วยการบูรหอม
[76.6]
เป็นตาน้ำพุที่ปวงบ่าวของอัลลอฮ์จะได้ดื่ม
พวกเขาทำให้มันพวยพุ่งออกมาอย่างล้นเหลือ
[76.7] พวกเขาปฏิบัติตามคำสัตย์สาบาน
และกลัวต่อวันหนึ่งที่ความชั่วร้ายของมันจะกระจายไปทั่ว
[76.8]
และพวกเขาให้อาหารเนื่องด้วยความรักต่อพระองค์แก่คนยากจน เด็กกำพร้าและเชลยศึก
[76.9] (พวกเขากล่าวว่า)
แท้จริงเราให้อาหารแก่พวกท่าน โดยหวังความโปรดปรานของอัลลอฮ์
เรามิได้หวังการตอบแทนและการขอบคุณจากพวกท่านแต่ประการใด
[76.10]
แท้จริงเรากลัวต่อพระเจ้าของเราซึ่งเป็นวันแห่งหน้านิ่วคิ้วขมวดและแสนสาหัส
[76.11] ดังนั้น
อัลลอฮ์จะทรงปกป้องพวกเขาให้พ้นจากความชั่วร้ายของวันนั้น
และจะทรงให้พวกเขาพบกับความสดชื่นและความปิติ
[76.12]
และพระองค์จะทรงตอบแทนแก่พวกเขาด้วยสวนสวรรค์
และอาภรณ์ไหมแพรเนื่องเพราะพวกเขาอดทน
[76.13] นอนเอกเขนก
อยู่บนเก้าอี้นวมยาวในสวนสวรรค์ พวกเขาจะไม่พบเห็นแสงอาทิตย์ และความเหน็บหนาว
[76.14]
และร่มเงาของสวนสวรรค์จะปกคลุมพวกเขาอย่างใกล้ชิด
และผลไม่ในสวนสวรรค์ถูกโน้มต่ำลงมาใกล้พวกเขา
[76.15] และมีภาชนะที่ทำด้วยเงิน
และแก้วน้ำที่ทำด้วยแก้วใสถูกวนเวียนรอบๆพวกเขา
[76.16] แก้วที่ทำด้วยเงินโดยพวกเขาจะเติมมันตามสัดส่วนที่พวกเขาต้องการ
[76.17]
และในสวนสวรรค์นั้นพวกจะได้รับเครื่องดื่มจากแก้วซึ่งผสมด้วยขิง
[76.18] ในสวนสวรรค์มีตาน้ำพุที่มีชื่อว่า
ซัลสะบีล
[76.19] และมีเด็กวัยรุ่นวนเวียนรอบๆ พวกเขา
เมื่อเจ้าเห็นพวกเขา เจ้าคิดว่าพวกเขาเป็นไข่มุกที่เรียงราย
[76.20]
และเมื่อเจ้ามองไปยังที่นั่นเจ้าจะพบแต่ความสุข และอาณาจักรอันกว้างใหญ่ไพศาล
[76.21]
บนพวกเขามีอาภรณ์สีเขียวทำด้วยผ้าไหมละเอียด และผ้าไหมหยาบ
และถูกประดับด้วยกำไลเงิน
และพระเจ้าของพวกเขาจะทรงให้พวกเขาได้ดื่มเครื่องดื่มอันบริสุทธิ์ยิ่ง
[76.22] แท้จริงนี่คือ การตอบแทนแก่พวกเจ้า
และการบากบั่นของพวกเจ้านั้นเป็นที่ยอมรับด้วยความยินดี
[76.23]
แท้จริงเราได้ประทานอัลกุรอานให้แก่เจ้าเป็นขั้นตอน
[76.24] ดังนั้น
เจ้าจงอดทนคอยข้อตัดสินของพระเจ้าของเจ้า และอย่าเชื่อฟังผู้ประพฤติชั่ว
และผู้ปฏิเสธศรัทธาคนใดในหมู่พวกเขา
[76.25]
และจงรำลึกถึงพระนามของพระเจ้าของเจ้าทั้งในยามเช้าและยามเย็น
[76.26]
และจากส่วนหนึ่งของกลางคืนก็จงสุญดต่อพระองค์ และจงแซ่ซ้องสดุดีพระองค์
ในยามกลางคืนอันยาวนาน
[76.27] แท้จริง ชนเหล่านี้ (พวกปฏิเสธศรัทธา)
รักชีวิตชั่วคราว และปล่อยทิ้งวันอันหนักหน่วงไว้เบื้องหลังพวกเขา
[76.28] เราได้บังเกิดพวกเขา
และเราได้ทำให้เรือนร่างของพวกเขามั่นคงแข็งแรง และหากเราประสงค์
เราก็จะเปลี่ยนพวกอื่นเยี่ยงพวกเขา
[76.29] แท้จริง นี่คือข้อตักเตือนสติ
ดังนั้นผู้ใดต้องการก็ให้เขายึดแนวทางสู่พระเจ้าของเขา
[76.30] แต่พวกเจ้าจะไม่สมความปรารถนาได้
เว้นแต่ที่อัลลอฮ์ เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ
[76.31]
พระองค์จะทรงให้ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์เข้าสู่ความเมตตาของพระองค์
แต่บรรดาผู้อธรรมนั้น พระองค์ทรงเตรียมการลงโทษอันเจ็บปวดไว้สำหรับพวกเขา
77. ซูเราะห์อัลมุรซะล้าต
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[77.1] ขอสาบานต่อลมที่พัดออกมาติดต่อกัน
[77.2] ขอสาบานต่อลมพายุที่พัดมาอย่างแรง
[77.3] ขอสาบานต่อมลาอิกะฮ์ที่อุ้มเมฆฝน
[77.4]
ขอสาบานต่อมลาอิกะฮ์ที่จำแนกระหว่างความจริงกับความเท็จ
[77.5] ขอสาบานต่อมลาอิกะฮ์ที่นำมามอบแก่บรรดานบี
[77.6] ด้วยการให้เหตุผลและการเตือนสำทับ
[77.7] แท้จริงสิ่งที่พวกเจ้าถูกสัญญาไว้นั้น
จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
[77.8] เมื่อดวงดาวถูกทำให้มืดลง
[77.9] และเมื่อชั้นฟ้าถูกแยกออก
[77.10] และเมื่อภูเขาถูกแตกออกเป็นผุยผง
[77.11] และเมื่อบรรดาร่อซู้ลถูกรวมไว้ตามเวลาที่กำหนด
[77.12] สำหรับวันไหนเล่าที่พวกเขา
(บรรดาร่อซู้ล) ถูกเลื่อนออกไป
[77.13] สำหรับวันแห่งการตัดสิน
[77.14]
และอันใดเล่าให้เจ้ารู้ได้ว่าวันแห่งการตัดสินคืออะไร
[77.15]
ความหายนะในวันนั้นจงประสบแด่บรรดาผู้ปฏิเสธ
[77.16] เรามิได้ทำลายชนชาติรุ่นก่อน ๆ
ดอกหรือ
[77.17] หลังจากนั้นเราได้ให้ชนชาติรุ่นหลัง ๆ
ปฏิบัติตามพวกเขา
[77.18]
เช่นนั้นแหละเราได้ปฏิบัติแก่บรรดาอาชญากร
[77.19] ความหายนะในวันนั้น
จงประสบแด่บรรดาผู้ปฏิเสธ
[77.20]
เรามิได้สร้างพวกเจ้าจากน้ำที่ต่ำต้อยไร้ค่า (อสุจิ) ดอกหรือ
[77.21] แล้วเราได้ให้เข้าไปอยู่ในที่อับมั่นคง
(มดลูก)
[77.22] จนถึงกำหนดอันแน่นอน
[77.23] ดังนั้นเราได้กำหนดไว้แล้ว
เราจึงเป็นผู้กำหนดที่ดีเลิศจริง ๆ
[77.24]
ความหายนะในวันนั้นจงประสบแด่บรรดาผู้ปฏิเสธ
[77.25]
และเรามิได้ทำให้แผ่นดินนี้เป็นจุดรวมดอกหรือ
[77.26] ทั้งคนเป็นและคนตาย
[77.27]
และในแผ่นดินเราได้ตั้งภูเขาไว้สูงตะหง่าน และเราได้ให้พวกเจ้าดื่มน้ำจืดสนิท
[77.28]
ความหายนะในวันนั้นจงประสบแด่บรรดาผู้ปฏิเสธ
[77.29] (จะมีเสียงกล่าวขึ้นว่า)
พวกเจ้าจงออกเดินไปยังที่พวกเจ้าเคยปฏิเสธ
[77.30] จงออกเดินไปยังเงาควันสามแฉก
[77.31] (มัน) ไม่ทำให้เกิดร่ม
และจะไม่ช่วยให้พ้นจากเปลวไฟได้
[77.32] แท้จริงมันจะพ่นประกายออกมา (มีขนาด)
เท่าป้อมปราการ
[77.33] ประหนึ่งมัน (ประกายนั้น)
เป็นอูฐสีเหลืองเข้ม
[77.34]
ความหายนะในวันนั้นจงประสบแด่บรรดาผู้ปฏิเสธ
[77.35] นี่คือวันที่พวกเขาไม่สามารถจะพูดออกมาได้
[77.36]
และจะไม่เปิดโอกาสให้แก่พวกเขาเพื่อแก้ตัว
[77.37]
ความหายนะในวันนั้นจงประสบแด่บรรดาผู้ปฏิเสธ
[77.38] นี่คือวันแห่งการตัดสิน
เราได้รวบรวมพวกเจ้าไว้กับชนชาติรุ่นก่อน ๆ
[77.39]
ดังนั้นถ้าพวกเจ้ามีแผนอุบายอันใดก็จงวางแผนต่อข้า
[77.40] ความหายนะในวันนั้นจงประสบแด่บรรดาผู้ปฏิเสธ
[77.41]
แท้จริงบรรดาผู้ยำเกรงจะอยู่ท่ามกลางร่มเงาและน้ำพุ
[77.42] และผลไม้ตามที่พวกเขาต้องการ
[77.43]
พวกเจ้าจงกินจงดื่มอย่างสบายใจตามที่พวกเจ้าได้กระทำไว้
[77.44]
แท้จริงเช่นนั้นแหละเราจะตอบแทนผู้กระทำความดีทั้งหลาย
[77.45]
ความหายนะในวันนั้นจงประสบแด่บรรดาผู้ปฏิเสธ
[77.46] พวกเจ้าจงกินและรื่นรมย์เพียงเล็กน้อย
แท้จริงพวกเจ้านั้นเป็นอาชญากร
[77.47]
ความหายนะในวันนั้นจงประสบแด่บรรดาผู้ปฏิเสธ
[77.48] เมื่อได้กล่าวแก่พวกเขาว่า จงรุกั๊วะ
พวกเขาก็จะไม่รุกั๊วะ
[77.49] ความหายนะในวันนั้นจงประสบแด่บรรดาผู้ปฏิเสธ
[77.50] ดังนั้น
คำบอกเล่าอันใดเล่าหลังจากอัลกุรอานที่พวกเขาจะศรัทธากัน
[สิ้นสุดญุซอ์ที่ 29]
ป้ายกำกับ: ญุซอ์ที่ 29, ตะบา เราะกะ, อัลมุลกุ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]
<< หน้าแรก