อัลกุรอานญุซอ์ที่ 23
ญุซอ์ที่ 23
[36.28]
และเรามิได้ส่งไพร่พลลงมาจากฟากฟ้าแก่หมู่ชนของเขาหลังจากเขา
และเราก็มิใช่เป็นผู้ส่งพวกเขาลงมา
[36.29] แล้วเมื่อนั้นพวกเขาก็ดับเงียบ
[36.30] โอ้ อนิจจาต่อปวงบ่าว
ไม่มีร่อซู้ลคนใดมายังพวกเขา เว้นแต่พวกเขาได้เย้ยหยันเขา
[36.31] พวกเขามิได้พิจารณาดอกหรือว่า
กี่ศตวรรษมาแล้วก่อนหน้าพวกเขาเราได้ทำลายโดยที่เขาเหล่านั้นมิได้กลับมายังพวกเขา
[36.32]
และแต่ละคนในพวกเขาทั้งหมดจะถูกนำมาปรากฏตัวต่อหน้าเรา
[36.33] และสัญญาณหนึ่งสำหรับพวกเขาก็คือ
แผ่นดินที่แห้งแล้งเราได้ให้มันมีชีวิตชีวาขึ้นมาและเราได้นำเมล็ดพืชออกมาจากมัน
ซึ่งส่วนหนึ่งจากเมล็ดพืชนั้นพวกเขาใช้กิน
[36.34]
และเราได้ทำให้มีในแผ่นดินนั้นเรือกสวนมากหลาย จากอินทผลัมและองุ่น
และเราได้ทำมีตาน้ำในนั้น
[36.35]
เพื่อพวกเขาจะได้กินผลไม้ของมันและจากสิ่งที่มือของพวกเขาได้กระทำมันขึ้นแล้วพวกเขาจะไม่ขอบคุณกระนั้นหรือ
[36.36]
มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระผู้ทรงสร้างทุกสิ่งทั้งหมดเป็นคู่ ๆ จากสิ่งที่แผ่นดินได้
(ให้มัน) งอกเงยขึ้นมา และจากตัวของพวกเขาเองและจากสิ่งที่พวกเขาไม่รู้
[36.37]
และสัญญาณหนึ่งสำหรับพวกเขาก็คือกลางคืน เราได้ถอนกลางวันออกจากมัน
แล้วพวกเขาก็อยู่ในความมืด
[36.38] และดวงอาทิตย์โคจรตามวิถีของมัน
นั่นคือ การกำหนดของพระผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงรอบรู้
[36.39] และดวงจันทร์นั้น
เราได้กำหนดให้มันโคจรตามตำแหน่ง จนกระทั่งมันได้กลายมาเป็นเช่นกิ่งอินทผลัมแห้ง
[36.40] ดวงอาทิตย์ก็ไม่สมควร (อนุมัติ)
แก่มันที่จะไล่ตามใกล้ดวงจันทร์ และกลางคืนก็จะไม่ล้ำหน้ากลางวัน
และทั้งหมดนั้นจะเวียนว่ายอยู่ในจักรราศี
[36.41] และสัญญาณหนึ่งสำหรับพวกเขาก็คือ
เราได้บรรทุกลูกหลานของพวกเขาไว้ในเรือจนเต็ม
[36.42] และเราได้สร้างทำนองเดียวกันนี้
(เรือใหญ่) แก่พวกเขา เพื่อให้พวกเขาขับขี่
[36.43] และถ้าเราประสงค์เราก็จะจมพวกเขาเสีย
แล้วจะไม่มีผู้ร้องตะโกนเพื่อขอความช่วยเหลือให้แก่เขา
และพวกเขาก็จะไม่ถูกช่วยให้รอดพ้น (จากการจมน้ำตาย) ด้วย
[36.44] เว้นแต่ด้วยความเมตตาจากเรา
และความเพลิดเพลินชั่วระยะหนึ่ง
[36.45] และเมื่อได้มีเสียงกล่าวแก่พวกเขาว่า
จงระวังสิ่งที่อยู่ข้างหน้าพวกเจ้า และสิ่งที่อยู่ข้างหลังพวกเจ้า
เพื่อพวกเจ้าจะได้รับความเมตตา
[36.46]
และไม่มีสัญญาณใดในบรรดาสัญญาณของพระเจ้าของพวกเขาได้มีมายังพวกเขาเว้นแต่พวกเขาจะผินหลังให้แก่
สัญญาณนั้น ๆ
[36.47] และเมื่อมีเสียงกล่าวแก่พวกเขาว่า
จงบริจาคจากสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงประทานเป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้า
บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาได้กล่าวแก่บรรดาผู้ศรัทธาว่า
เราจะให้อาหารแก่ผู้ที่หากอัลลอฮ์ทรงประสงค์ก็จะให้อาหารแก่เขากระนั้นหรือ ? พวกท่านมิใช่อื่นใดเลยนอกจากอยู่ในการหลงผิดอย่างชัดแจ้ง
[36.48] และพวกเขากล่าวว่า
เมื่อใดเล่าสัญญานี้จะเกิดขึ้น หากพวกท่านเป็นผู้สัตย์จริง
[36.49]
พวกเขามิได้คอยสิ่งใดเลยนอกจากเสียงกัมปนาทเพียงครั้งเดียว ซึ่งจะคร่าชีวิต
พวกเขาในขณะที่พวกเขาโต้เถียงกันอยู่
[36.50] แล้วพวกเขาก็ไม่สามารถจะสั่งเสียอันใด
และพวกเขาก็ไม่ทันจะกลับไปยังครอบครัวของพวกเขาได้
[36.51] และสังข์ก็จะถูกเป่าขั้น
ทันใดนั้นพวกเขาจะออกจากหลุมฝังศพ แล้วพวกเขาก็รีบรุดไปยังพระเจ้าของพวกเขา
[36.52] พวกเขากล่าวว่า
โอ้ความหายนะที่ประสบแก่เรา ใครเล่าที่ให้เราฟื้นขึ้นจากที่นอนของเรา
(กุบูร) (จะมีเสียงกล่าวขึ้นว่า) นี่แหละคือสิ่งที่พระผู้ทรงกรุณาปรานีได้ทรงสัญญาไว้
และบรรดาร่อซู้ลได้กล่าวสมจริงแล้ว
[36.53]
ไม่มีอะไรดอกนอกจากเสียงกัมปนาทเพียงครั้งเดียว
ทันใดนั้นพวกเขาทั้งหมดก็จะถูกนำมาปรากฏต่อหน้าเรา
[36.54] ในวันนั้นไม่มีชีวิตใด (ผู้ใด)
จะถูกอยุติธรรมแต่ประการใด และพวกเจ้าจะไม่ได้รับการตอบแทน
นอกจากสิ่งที่พวกเจ้าได้ปฏิบัติไว้
[36.55] แท้จริง
ในวันนั้นชาวสวรรค์จะอยู่ในกิจกรรมอันสุขสำราญ
[36.56]
พวกเขาและคู่ครองของพวกเขาจะอยู่ภายใต้ร่มเงา นอนเอกเขนกอยู่บนเก้าอี้นวม
[36.57] สำหรับพวกเขาในสวนสวรรค์นั้นจะมีผลไม้
(หลากชนิด) และสำหรับพวกเขาจะมีสิ่งที่พวกเขาต้องการ
[36.58] ความศานติ!
พระดำรัสหนึ่งจากพระเจ้าผู้ทรงเมตตาเสมอ
[36.59] โอ้บรรดาอาชญากรทั้งหลายเอ๋ย!
วันนี้พวกเจ้าจงถอยห่างออกไปให้พ้น
[36.60] ข้ามิได้บัญชาพวกเจ้าดอกหรือ
โอ้ลูกหลานของอาดัมเอ๋ย! ว่าพวกเจ้าอย่าได้เคารพบูชาชัยตอนมารร้าย
แท้จริงมันนั้นเป็นศัตรูตัวฉกาจของพวกเจ้า
[36.61] และพวกเจ้าจงเคารพภักดีต่อข้า
นี่คือแนวทางอันเที่ยงแท้
[36.62] และโดยแน่นอน
มันได้ทำให้หมู่ชนจำนวนมากของพวกเจ้าหลงทาง
ทำไมพวกเจ้าจึงไม่ใช้สติปัญญาใคร่ครวญเล่า?
[36.63] นี่คือนรกญะฮันนัม
ซึ่งพวกเจ้าถูกสัญญาไว้
[36.64] วันนี้พวกเจ้าจะเข้าไปลิ้มรสมัน
เนื่องเพราะพวกเจ้าปฏิเสธ
[36.65]
วันนี้เราจะปิดผนึกปากของพวกเขาและมือของพวกเขาจะพูดแก่เรา
และเท้าของพวกเขาจะเป็นพยานตามที่พวกเขาได้ปฏิบัติไว้
[36.66] และหากเราประสงค์
เราก็จะทำให้ตาของพวกเขาบอดลง แล้วพวกเขาก็จะคลำหาทาง แต่พวกเขาจะเห็นได้อย่างไร?
[36.67] และหากเราประสงค์
เราก็จะแปลงรูปของพวกเขาให้อยู่กับที่ของพวกเขา
แล้วพวกเขาก็ไม่อาจจะไปข้างหน้าได้และก็ไม่อาจจะถอยกลับได้
[36.68]
และผู้ใดที่เราทำให้เขามีอายุยืนนานเราจะให้กลับคืนสู่สภาพเมื่อตอนแรกเกิดแล้วพวกเขาไม่ไช้สติปัญญาใคร่ครวญบ้างหรือ?
[36.69] เรามิได้สอนกวีนิพนธ์แก่เขา
(มุฮัมมัด) และไม่เหมาะสมแก่เขาที่จะเป็นกวีคัมภีร์นี้มิใช่อื่นใดเลย
นอกจากเป็นข้อตักเตือนและเป็นคัมภีร์อันชัดแจ้ง
[36.70] เพื่อตักเตือนผู้ที่มีชีวิต
และเพื่อข้อตักเตือนนั้นเป็นหลักฐานยืนยันแก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา
[36.71]
และพวกเขามิได้พิจารณาดูดอกหรือเราได้สร้างปศุสัตว์ขึ้นมาเพื่อพวกเขาจากสิ่งที่มือของเราได้ทำขึ้น
แล้วพวกเขาก็ได้ครอบครองมัน
[36.72] และเราได้ทำให้มันยอมจำนนแก่พวกเขา
ดังนั้น บางชนิดมันก็เป็นพาหนะแก่พวกเขา และบางชนิดพวกเขาก็ใช้กินเป็นอาหาร
[36.73]
และในตัวมันนั้นมีประโยชน์มากหลายและเครื่องดื่มสำหรับพวกเขา
แล้วพวกเขาจะยังไม่ขอบคุณอีกหรือ
[36.74] และพวกเขาได้ยึดถือเอาพระเจ้ามากหลาย
(เป็นที่เคารพสักการะ) อื่นจากอัลลอฮ์หวังว่าพวกเขาจะได้รับความช่วยเหลือ (จากมัน)
[36.75] พวกมันไม่สามารถช่วยเหลือพวกเขาได้
พวกเขาจะถูกนำมาปรากฏตัวเป็นกลุ่ม ๆ เพื่อพวกมัน
[36.76] ดังนั้น
อย่าได้ให้คำพูดของพวกเขาเป็นที่เสียใจแก่เจ้า
แท้จริงเรารู้ดีถึงสิ่งที่พวกเขาปิดบัง และสิ่งที่พวกเขาเปิดเผย
[36.77]
มนุษย์มิได้พิจารณาดูดอกหรือว่าเราได้บังเกิดเขามาจากน้ำอสุจิ แล้วจงดูซิ
เขาได้กลายเป็นคู่ปรปักษ์ตัวฉกาจ
[36.78] และเขาได้ยกอุทาหรณ์เปรียบเทียบแก่เรา
และเขาได้ลืมต้นกำเนิดของเขา เขากล่าวว่า
ใครเล่าจะให้กระดูกมีชีวิตขึ้นมาอีกในเมื่อมันเป็นผุยผงไปแล้ว
[36.79] จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
พระผู้ทรงให้กำเนิดมันครั้งแรกนั้น ย่อมจะทรงให้มันมีชีวิตขึ้นมาอีก
และพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้การบังเกิดทุกสิ่ง
[36.80]
ผู้ทรงทำให้มีไฟสำหรับพวกเจ้าจากต้นไม้เขียวสด (แล้วจงดูซิ)
พวกเจ้าก็ได้จุดมันจากเชื้อไฟนั้น
[36.81]
พระองค์ผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน
จะไม่ทรงสามารถที่จะสร้างเช่นเดียวกับพวกเขากระนั้นหรือ แน่นอน และพระองค์เป็นผู้ทรงสร้างที่ยิ่งใหญ่ ผู้ทรงรอบรู้
[36.82] แท้จริงพระบัญชาของพระองค์
เมื่อทรงประสงค์สิ่งใด พระองค์ก็จะตรัสแก่มันว่า จงเป็น แล้วมันก็จะเป็นขึ้นมา
[36.83] ดังนั้น
มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ซึ่งในพระหัตถ์ของพระองค์มีอำนาจเหนือทุกสิ่งและยังพระองค์เท่านั้นที่พวกเจ้าจะถูกนำกลับไป
อัศศ็อฟฟาต
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[37.1] ขอสาบานด้วย (มลาอิกะฮ์)
ผู้เข้าแถวตามลำดับ
[37.2] และ (มลาอิกะฮ์) ผู้ควบคุมอย่างรัดกุม
[37.3] และ (มลาอิกะฮ์) ผู้อ่านขัอตักเตือน
[37.4] แท้จริง
พระเจ้าของพวกเจ้านั้นทรงเอกะอย่างแน่นอน
[37.5] พระเจ้าแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน
และสิ่งที่อยู่ในระหว่างทั้งสอง และพระเจ้าแห่งทิศทางตะวันออก
[37.6] แท้จริง
เราได้ประดับท้องฟ้าแห่งโลกดุนยาอย่างสวยงามด้วยดวงดาวทั้งหลาย
[37.7] และเพื่อป้องกันจากชัยตอนมารร้ายทุกตัวที่ดื้อรั้นพยศ
[37.8] พวกมันจะไม่สามารถรับฟัง
(จากมลาอิกะฮ์ผู้อยู่) ในชั้นฟ้าชั้นสูงได้ และพวกมันจะถูกขว้างจากทุกๆ ด้าน
[37.9] ถูกขับไล่ใสส่งออกมา
และสำหรับพวกมันนั้นจะได้รับการลงโทษอย่างต่อเนื่อง
[37.10] เว้นแต่ตัวใดที่มันฉกฉวยเอาไปได้แม้แต่ครั้งเดียว
ก็จะมีเปลวเพลิงอันโชติช่วงไล่ติดตามมันไป
[37.11] เจ้าจงถามพวกเขา
(บรรดาผู้ปฏิเสธการฟื้นคืนชีพ) ซิว่า
พวกเขามีความแข็งแกร่งยิ่งในสิ่งที่ถูกสร้างมากระนั้นหรือ ? หรือว่าสิ่งที่เราได้สร้างมันมา แท้จริงเราได้สร้างพวกเขามาจากดินเหนียว
[37.12] แต่เจ้าคงแปลกใจ ขณะที่พวกเขาเยาะเย้ย
[37.13]
และเมื่อพวกเขาถูกเตือนให้รำลึกพวกเขาก็จะไม่ยอมรับข้อตักเตือน
[37.14]
และเมื่อพวกเขามองเห็นสิ่งปาฏิหาริย์พวกเขาก็ชักชวนกันเยาะเย้ย
[37.15] และพวกเขากล่าวว่า นี่มิใช่อื่นใดเลย
นอกจากเล่ห์กลอย่างชัดแจ้ง
[37.16] เมื่อเราตายไปแล้ว
และเราได้กลายเป็นดินผงและกระดูก เราจะถูกให้ฟื้นคืนชีพอีกแน่ละหรือ ?
[37.17] แล้วบรรพบุรุษของพวกเรารุ่นก่อน ๆ
นั้นด้วยหรือ ?
[37.18] จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ใช่แล้ว
และพวกเจ้าจะเป็นผู้อับอายขายหน้าอีกด้วย
[37.19]
ความจริงมันเป็นเพียงเสียงแผดตะโกนก้องเพียงครั้งเดียว แล้วพวกเขาจะจ้องมอง
[37.20] แล้วพวกเขาก็กล่าวว่า
โอ้ความหายนะแก่เรา นี่คือวันแห่งการตอบแทน
[37.21] (มลาอิกะฮ์จะตอบว่า)
นี่คือวันแห่งการชี้ขาดตัดสิน ซึ่งพวกท่านเคยปฏิเสธมัน
[37.22] จงรวบรวมบรรดาผู้อธรรม
และบรรดาสหายของพวกเขา และสิ่งที่พวกเขาเคารพสักการะ
[37.23] อื่นจากอัลลอฮ์
แล้วจงแนะนำทางแก่พวกเขาไปสู่ทางแห่งนรก
[37.24] และจงยับยั้งพวกเขาไว้
เพราะพวกเขาจะต้องถูกสอบสวน
[37.25] (จะมีเสียงถามขึ้นว่า)
เกิดอะไรขึ้นแก่พวกเจ้า ทำไมจึงไม่ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
[37.26] แต่ว่าพวกเขาในวันนั้น เป็นผู้ยอมจำนนโดยสิ้นเชิง
[37.27] และบางคนในหมู่พวกเขาจะหันมาหากัน
ไต่ถามซึ่งกันและกัน
[37.28] พวกเขากล่าวว่า
แท้จริงพวกท่านเคยเข้ามาหาเราทางด้านขวา
[37.29] พวกเขา (หัวหน้า) กล่าวว่า เปล่าดอก ! พวกท่านต่างหากที่ไม่ยอมศรัทธา
[37.30] และเราไม่มีอำนาจใด ๆ เหนือพวกท่าน แต่ว่าพวกท่านเป็นหมู่ชนที่ดื้อรั้นต่างหาก
[37.31] ดังนั้น
พระดำรัสของพระเจ้าของเราจึงคู่ควรแก่เราแล้วแท้จริงเรานั้นเป็นผู้ต้องลิ้มรสอย่างแน่นอน
[37.32] เราได้แนะนำพวกท่านให้หลงผิดทั้ง
ๆที่ความจริงพวกเราก็หลงผิดอยู่แล้ว
[37.33] แท้จริง พวกเขาในวันนั้นย่อมมีส่วนแบ่งร่วมกันในการได้รับโทษ
[37.34] แท้จริงเช่นนั้นแหละ
เราได้ปฏิบัติต่อบรรดาผู้มีความผิด
[37.35]
เพราะว่าพวกเขาเหล่านั้นเมื่อได้มีการกล่าวแก่พวกเขาว่า
ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ พวกเขาก็หยิ่งผยอง
[37.36] และพวกเขาจะกล่าวว่า
จะให้เราทอดทิ้งพระเจ้าต่าง ๆ ของพวกเราเพื่อนักกวีบ้า คนหนึ่งกระนั้นหรือ?
[37.37] เปล่าดอก ! เขา (มุฮัมมัด) ได้นำสัจธรรมมา และเพื่อยืนยันบรรดาร่อซู้ลต่างหาก
[37.38] แท้จริง
พวกเจ้าจะต้องลิ้มรสการลงโทษอันเจ็บปวดอย่างแน่นอน
[37.39] และพวกเจ้าจะไม่ได้รับการตอบแทนอื่นใด
นอกจากสิ่งที่พวกเจ้าได้กระทำเอาไว้
[37.40] เว้นแต่ปวงบ่าวของอัลลอฮ์ผู้ซื่อสัตย์
[37.41] ชนเหล่านั้น
สำหรับพวกเขาจะได้รับปัจจัยยังชีพที่แน่นอน
[37.42] ผลไม้หลากชนิด
และพวกเขาก็ได้รับเกียรติ
[37.43] ในสวนสวรรค์หลากหลายอันรื่นรมย์
[37.44] อยู่บนเตียงหันหน้าเข้าหากัน
[37.45]
คนรับใช้จะวนเวียนรอบตัวพวกเขาพร้อมด้วยแก้ว (เหล้า) ที่มาจากลำธาร
[37.46] (เหล้านั้น) ขาวบริสุทธิ์
อร่อยแก่บรรดาผู้ดื่ม
[37.47] ในนั้นจะไม่ทำให้ปวดมึนศีรษะ
และพวกเขาก็จะไม่มึนเมาจากมัน
[37.48] และ ณ
ที่พวกเขานั้นมีบรรดาหญิงบริสุทธิ์ ผู้ลดสายตาลงต่ำ มีดวงตาโตสวย
[37.49]
เสมือนหนึ่งพวกนางเป็นไข่ถูกหุ้มเปลือกเอาไว้
[37.50] แล้ว (ชาวสวรรค์เหล่านั้น)
บางคนในหมู่บ้านพวกเขาจะเข้ามาหากัน ไต่ถาม (ทุกข์สุข) ซึ่งกันและกัน
[37.51]
คนหนึ่งในหมู่บ้านพวกเขาก็กล่าวขึ้นว่า แท้จริง ฉันมีเพื่อนคนหนึ่ง
[37.52] เขาเคยกล่าวว่า แท้จริงท่านเป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้เชื่อมั่น
(ในวันปรโลก) จริงหรือ ?
[37.53] เมื่อเราตายไปแล้ว
และเราได้กลายเป็นดินผงและกระดูก เราจะถูกตอบแทนจริงหรือ?
[37.54] เขา (ชาวสวรรค์) กล่าว (แก่เพื่อน ๆ
ของเขา) ว่า พวกท่านอยากจะมองดูไหมเล่า?
[37.55] ครั้นเมื่อเขามองลงไป ก็เห็น
(เพื่อนของเขา) อยู่ท่ามกลางไฟที่ลุกโชติช่วง
[37.56] เขาจึงกล่าวขึ้นว่า
ขอสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮ์ ท่านเกือบทำให้ฉันพังพินาศ
[37.57]
และหากมิใช่ความโปรดปรานแห่งพระเจ้าของฉันแล้ว
ฉันจะต้องอยู่ในหมู่ผู้ถูกนำมาลงโทษอย่างแน่นอน
[37.58] ดังนั้น เราจะไม่ตาย
[37.59]
เว้นแต่การตายของเราครั้งแรกและเราจะไม่ถูกลงโทษ กระนั้นหรือ ?
[37.60] แท้จริง
นี่คือความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน
[37.61] เพื่อเยี่ยง (การตอบแทน) นี้
บรรดาผู้ต่อสู้ดิ้นรนจงต่อสู้ต่อไปเถิด
[37.62] นั่นเป็นการต้อนรับที่ดีกว่า
หรือว่าต้นซักกูม
[37.63] แท้จริง
เราได้จัดทำไว้เป็นการทดสอบแก่บรรดาผู้อธรรม
[37.64] แท้จริง
มันเป็นต้นไม้ที่เอาออกมาจากก้นบึ้งของนรกที่มีไฟลุกโชติช่วง
[37.65] ผลของมันคล้ายกับหัวของชัยตอน
[37.66] แล้วพวกเขาจะกินมัน
และพวกเขาจะเติมมันให้เต็มท้อง
[37.67] แล้วนอกจากนั้น พวกเขาจะได้น้ำดื่มที่ผสมจากน้ำเดือด
[37.68]
แล้วแท้จริงทางกลับของพวกเขานั้นย่อมไปสู่ไฟที่ลุกโชติช่วงอย่างแน่นอน
[37.69]
แท้จริงพวกเขาพบบรรพบุรุษของพวกเขาอยู่ในการหลงผิด
[37.70]
แล้วพวกเขาก็ยังรีบเร่งเจริญรอยตามพวกเขา
[37.71] และโดยแน่นอน ส่วนมากของชนรุ่นก่อนหน้าพวกเขาได้หลงผิด
[37.72] และโดยแน่นอน
เราได้ส่งผู้ตักเตือนไปในหมู่พวกเขา
[37.73] ดังนั้นเจ้าจงดูเถิดว่า
ผลสุดท้ายของพวกที่ถูกเตือนนั้นเป็นอย่างไร ?
[37.74] เว้นแต่ปวงบ่าวของอัลลอฮ์ผู้ซื่อสัตย์
[37.75]
และโดยแน่นอนนูห์ได้ร้องขอเราดังนั้นผู้ตอบสนองช่างประเสริฐเสียนี่กระไร
[37.76]
และเราได้ช่วยเขาและชุมชนของเขาให้พ้นจากทุกข์ภัยอันมหันต์
[37.77]
และเราได้ให้ลูกหลานของเขายังคงมีชีวิตเหลืออยู่
[37.78] และเราได้ปล่อยทิ้งไว้ (เกียรติคุณ)
แก่เขาในกลุ่มชนรุ่นหลัง ๆ
[37.79]
ความศานติจงมีแด่นูห์ในหมู่ประชาชาติทั้งหลาย
[37.80] แท้จริง
เช่นนั้นแหละเราจะตอบแทนผู้กระทำความดีทั้งหลาย
[37.81] แท้จริง เขา (นูห์)
อยู่ในปวงบ่าวของเราผู้ศรัทธา
[37.82] แล้วเราได้ให้พวกอื่นจมน้ำตาย
[37.83] และแท้จริง
ผู้ที่ดำเนินตามแนวทางของเขานั้น คืออิบรอฮีม
[37.84] เมื่อเขาได้เข้าหาพระเจ้าของเขาด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์
[37.85]
เมื่อเขาได้กล่าวแก่บิดาของเขาและหมู่ชนของเขาว่า พวกท่านเคารพภักดีอะไรกัน?
[37.86] เพื่อความเท็จกระนั้นหรือ
ที่พวกท่านปรารถนาพระเจ้าอื่นจากอัลลอฮ์ ?
[37.87] ดังนั้น
ความนึกคิดของพวกท่านที่มีต่อพระเจ้าแห่งสากลโลกจะเป็นอย่างไร ?
[37.88] เขา (อิบรอฮีม)
จึงจ้องมองไปยังดวงดาวทั้งหลาย
[37.89] แล้วเขาก็กล่าวขึ้นว่า
แท้จริงฉันไม่สบายจริง ๆ
[37.90] ดังนั้น
พวกเขาจึงหันหลังให้เขาและกลับออกไป
[37.91] แล้วอิบรอฮีมก็บ่ายหน้าไปยังเจว็ดต่าง
ๆ ของพวกเขา แล้วพูดว่า พวกเจ้าไม่กิน (อาหารเหล่านี้) บ้างหรือ ?
[37.92] ทำไมพวกเจ้าจึงไม่พูดเล่า ?
[37.93] แล้วเขาก็หันไปตีพวกมันด้วยมือขวา
(ซึ่งถือขวานอยู่)
[37.94] แล้วพวกเขาก็รีบวิ่งมาหาเขา
[37.95] อิบรอฮีมจึงกล่าวว่า
พวกท่านเคารพภักดีสิ่งที่พวกท่านแกะสลัก (มัน) กระนั้นหรือ ?
[37.96] ทั้ง ๆ ที่อัลลอฮ์ทรงสร้างพวกท่านและสิ่งที่พวกท่านประดิษฐ์มันขึ้นมา
[37.97] พวกเขากล่าวว่า
จงสร้างสถานที่แห่งหนึ่ง (เตาเผา) สำหรับเขา แล้วโยนเขาไปในไฟที่ลุกโชน
[37.98] ดังนั้น
พวกเขาต้องการวางแผนร้ายแก่เขา แต่เราได้ทำให้พวกเขาต่ำต้อย
[37.99] และอิบรอฮีมกล่าวว่า ฉันจะไปหาพระเจ้าของฉัน
แน่นอนพระองค์จะทรงแนะทางให้แก่ฉัน
[37.100] ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์
ขอพระองค์ทรงประทานบุตรที่มาจากหมู่คนดีให้แก่ข้าพระองค์ด้วย
[37.101] ดังนั้น เราจึงแจ้งข่าวดีแก่เขา
(ว่าจะได้) ลูกคนหนึ่ง ที่มีความอดทนขันติ (คือ อิสมาอีล)
[37.102] ครั้นเมื่อเขา (อิสมาอีล)
เติบโตขึ้นไปไหนมาไหนกับเขา (อิบรอฮีม) ได้แล้ว อิบรอฮีมได้กล่าวขึ้นว่า
โอ้ลูกเอ๋ย !
แท้จริงพ่อได้เห็นในขณะฝันว่า พ่อได้เชือดเจ้า
จงคิดดูซิว่าเจ้าจะเห็นเป็นอย่างไร? เขากล่าวว่า โอ่พ่อจ๋า!
พ่อจงปฏิบัติตามที่พ่อได้ถูกบัญชามาเถิด หากอัลลอฮ์ทรงประสงค์ พ่อจะเห็นฉันว่า
ฉันอยู่ในหมู่ผู้มีความอดทน
[37.103] ครั้นเมื่อทั้งสอง (พ่อและลูก)
ได้ยอมมอบตน (แด่อัลลอฮ์) อิบรอฮีมได้ให้อีสมาอีลคว่ำหน้าลงกับพื้น
[37.104] และเราได้เรียกเขาว่า โอ้ อิบรอฮีม
เอ๋ย!
[37.105] แน่นอน
เจ้าได้ปฏิบัติถูกต้องตามฝันแล้ว แท้จริง เช่นนั้นแหละเราจะตอบแทนผู้กระทำความดีทั้งหลาย
[37.106] แท้จริง นั่นคือ
การทดสอบที่ชัดแจ้งแน่นอน
[37.107]
และเราได้ให้ค่าไถ่ตัวเขาด้วยสัตว์เชือดพลีอันใหญ่หลวง
[37.108] และเราได้ปล่อยทิ้งไว้ (เกียรติคุณ)
แก่เขาในกลุ่มชนรุ่นหลัง ๆ
[37.109] ศานติจงมีแต่อิบรอฮีม
[37.110] เช่นนั้นแหละ
เราจะตอบแทนผู้กระทำความดีทั้งหลาย
[37.111] แท้จริง เขา (อิบรอฮีม)
เป็นคนหนึ่งในปวงบ่าวของเราผู้ศรัทธา
[37.112] เราได้แจ้งข่าวดีแก่เขาว่า จะได้
(ลูกคนหนึ่ง) อิสฮาก เป็นนบี (จะเป็นหนึ่ง) ในหมู่คนดีทั้งหลาย
[37.113] และเราได้ให้ความจำเริญแก่เขาและแก่อิสฮาก
และในหมู่ลูกหลานของเขาทั้งสองนั้นมีผู้ทำความดีและมีผู้อธรรมแก่ตัวของเขาเองอย่างชัดแจ้ง
[37.114] และโดยแน่นอน
เราได้ให้ความโปรดปรานแก่มูซาและฮารูณ
[37.115]
และเราได้ช่วยเขาทั้งสองและหมู่ชนของเขาทั้งสอง
ให้พ้นจากความเคราะห์ร้ายอันใหญ่หลวง
[37.116] และเราได้ช่วยเหลือพวกเขา ดังนั้น
พวกเขาจึงเป็นผู้มีชัยชนะ
[37.117]
และเราได้ประทานคัมภีร์แก่เขาทั้งสองซึ่งสมบูรณ์ชัดเจน (เตารอฮ์)
[37.118]
และเราได้แนะนำเขาทั้งสองสู่แนวทางที่เที่ยงตรง
[37.119] และเราได้ปล่อยทิ้งไว้ (เกียรติคุณ)
แก่เขาทั้งสองในกลุ่มชนรุ่นหลัง ๆ
[37.120] ศานติจงมีแด่มูซาและฮารูณ
[37.121] แท้จริง
เช่นนั้นแหละเราจะตอบแทนผู้กระทำความดีทั้งหลาย
[37.122] แท้จริง
เขาทั้งสองเป็นปวงบ่าวของเราผู้ศรัทธา
[37.123] และแท้จริง
อิลยาสนั้นเป็นคนหนึ่งในบรรดาร่อซู้ล
[37.124] เมื่อเขากล่าวแก่หมู่ชนของเขาว่า
พวกท่านไม่ยำเกรงอัลลอฮ์หรือ?
[37.125] พวกท่านเคารพสักการะบะอ์ลฺ (เจว็ด)
[37.126]
อัลลอฮ์คือพระเจ้าของพวกท่านและพระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกท่านแต่เก่าก่อน
[37.127] ดังนั้น
พวกเขาจะถูกนำมาลงโทษอย่างแน่นอน
[37.128]
นอกจากปวงบ่าวของอัลลอฮ์ผู้บริสุทธิ์ใจ
[37.129] และเราได้ปล่อยทิ้งไว้ (เกียรติคุณ)
แก่เขาในกลุ่มชนรุ่นหลัง ๆ
[37.130] ศานติจงมีแด่วงศ์วานของยาซีน
[37.131] แท้จริง
เช่นนั้นแหละเราจะตอบแทนผู้กระทำความดีทั้งหลาย
[37.132] แท้จริง
เขาเป็นคนหนึ่งในปวงบ่าวของเราผู้ศรัทธา
[37.133] และแท้จริง ลูฏนั้นเป็นคนหนึ่งในบรรดาร่อซู้ล
[37.134]
เมื่อเราได้ช่วยเขาและพรรคพวกของเขาทั้งหมดให้รอดพ้น
[37.135]
นอกจากหญิงแก่คนหนึ่งเหลืออยู่ในหมู่ผู้รั้งท้าย
[37.136] แล้วเราได้ทำลายล้างคนอื่น ๆ ทั้งหมด
[37.137] และแท้จริง พวกเจ้าจะต้องเดินผ่าน
(ไปมา) สถานที่ของพวกเขาในยามเช้า
[37.138] และยามค่ำคืน ดังนั้น
แล้วพวกเจ้าจะไม่พิจารณาดูดอกหรือ?
[37.139] และแท้จริง
ยูนุสนั้นอยู่ในหมู่ผู้ที่ถูกส่งมาเป็นร่อซู้ล
[37.140] จงรำลึก
ขณะที่เขาได้หนีไปยังเรือที่บรรทุกผู้คนเต็มเพียบ
[37.141] ดังนั้น ยูนุสได้เข้าร่วมจับฉลาก
แล้วเขาจึงอยู่ในหมู่ผู้ถูกพิชิต (แพ้ในการจับฉลาก)
[37.142] แล้วปลาตัวใหญ่ได้กลืนเขา
และเขาสมควรที่จะถูกตำหนิ
[37.143]
หากว่าเขามิได้เป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้แซ่ซ้องสดุดีแล้ว
[37.144] แน่นอน
เขาจะอยู่ในท้องปลาจวบจนกระทั่งวันฟื้นคืนชีพ
[37.145]
แล้วเราได้เหวี่ยงเขาขึ้นบนที่โล่งริมฝั่ง ในสภาพที่ป่วย
[37.146] และเราได้ให้มีต้นไม้
(พันธ์ไม้เลื้อย) น้ำเต้างอกเงยขึ้น ปกคลุมตัวเขา
[37.147] และเราได้ส่งเขาไปยัง
(หมู่บ้านของเขา) มีจำนวนหนึ่งแสนคนหรือเกินกว่านั้น
[37.148] แล้วพวกเขาก็ศรัทธา ดังนั้น
เราจึงปล่อยให้พวกเขามีความสุขสำราญชั่วระยะเวลาหนึ่ง
[37.149] ดังนั้น (มุฮัมมัด) จงถามพวกเขาซิว่า
พระเจ้าของเจ้ามีบุตรหญิงหลายคน และพวกเขามีบุตรชายหลายคนกระนั้นหรือ?
[37.150]
หรือว่าเราได้สร้างมลาอิกะฮ์เป็นเพศหญิง โดยที่พวกเขารู้เห็นเป็นพยาน
[37.151] พึงทราบเถิด
แท้จริงพวกเขานั้นเนื่องจากการกล่าวเท็จของพวกเขาพวกเขาจึงกล่าวว่า
[37.152] อัลลอฮ์ทรงให้กำเนิดบุตรชาย!
และแท้จริงพวกเขานั้นเป็นผู้กล่าวเท็จอย่างแน่นอน
[37.153]
อัลลอฮ์ทรงเลือกบุตรหญิงแทนบุตรชายกระนั้นหรือ?
[37.154] เกิดอะไรขึ้นแก่พวกเจ้า!
ทำไมพวกเจ้าจึงตัดสินเช่นนั้น
[37.155] พวกเจ้ามิได้ใคร่ครวญดูบ้างหรือ?
[37.156] หรือว่าพวกเจ้ามีหลักฐานอันชัดแจ้ง?
[37.157] ดังนั้น
พวกเจ้าจงนำคัมภีร์ของพวกเจ้ามาแสดง หากพวกเจ้าเป็นผู้สัตย์จริง
[37.158] และพวกเขากล่าวอ้างความสัมพันธ์
(ทางเครือญาติ)
ระหว่างพระองค์กับพวกญินและโดยแน่นอนพวกญินรู้ดีว่าแท้จริงพวกมันจะถูกนำตัวมาปรากฏต่อหน้าอัลลอฮ์
(เพื่อการลงโทษ)
[37.159] มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่อัลลอฮ์
จากสิ่งที่พวกเขากล่าวอ้าง
[37.160]
เว้นแต่ปวงบ่าวของอัลลอฮ์ผู้ซื่อสัตย์
[37.161] แน่นอน พวกเจ้าและสิ่งที่พวกเจ้าเคารพบูชานั้น
[37.162]
พวกเจ้าไม่สามารถทำให้ผู้ใดหลงทางไปได้
[37.163]
นอกจากผู้ที่จะเข้าไปอยู่ในไฟอันลุกโชติช่วง
[37.164] และไม่มีผู้ใดในหมู่พวกเรา
เว้นแต่เขาได้มีตำแหน่งที่ได้กำหนดไว้แล้ว
[37.165] และแท้จริง
เรานั้นเป็นผู้ที่ยืนเข้าแถวอยู่แล้ว
[37.166] และแท้จริง
เรานั้นเป็นผู้แซ่ซ้องสดุดีอัลลอฮ์
[37.167] และพวกเขาเหล่านั้น (กุฟฟารมักกะฮ์)
เคยกล่าวไว้ว่า
[37.168] หากว่าเรามีข้อตักเตือน (คัมภีร์)
อยู่กับเรา เช่นเดียวกับหมู่ชนในสมัยก่อน ๆ
[37.169] แน่นอน
เราก็จะเป็นบ่าวของอัลลอฮ์ผู้ซื่อสัตย์
[37.170] แต่พวกเขาปฏิเสธ
ไม่ศรัทธาต่ออัลกุรอาน แล้วพวกเขาก็จะได้รู้เห็น
[37.171] และโดยแน่นอน
ลิขิตของเราได้บันทึกไว้ก่อนแล้ว แก่ปวงบ่าวของเราที่เป็นร่อซู้ล
[37.172] ว่า แน่นอน
พวกเขาจะได้รับความช่วยเหลือ
[37.173] และแท้จริง ไพร่พลของเรานั้น
สำหรับพวกเขาจะเป็นผู้มีชัยชนะ
[37.174] ดังนั้น
เจ้าจงหันเหออกจากพวกเขาชั่วระยะหนึ่ง
[37.175] และจงเฝ้าคอยดูพวกเขาเถิด
แล้วพวกเขาก็จะเห็นมันเอง
[37.176]
พวกเขาเร่งรีบต่อการลงโทษของเรากระนั้นหรือ?
[37.177]
ครั้นเมื่อการลงโทษได้ลงมาที่หน้าบ้านพักของพวกเขา ยามเช้าของบรรดาผู้ถูกตักเตือนนั้นมันช่างชั่วช้าเสียนี่กระไร!
[37.178] และเจ้าจงหันเหออกจากพวกเขาระยะหนึ่ง
[37.179] และจงเฝ้าคอยดูเถิด
แล้วพวกเขาก็จะเห็นมันเอง
[37.180]
มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระเจ้าของเจ้าพระเจ้าแห่งอำนาจจากสิ่งที่พวกเขากล่าวอ้าง
[37.181] ศานติจงมีแด่บรรดาร่อซู้ลทั้งหลาย
[37.182]
และบรรดาการสรรเสริญทั้งมวลเป็นของอัลลอฮ์ พระเจ้าแห่งสากลโลก
38. ซูเราะห์ศอด
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[38.1] ศอด
ขอสาบานด้วยอัลกุรอานที่เป็นเครื่องเตือนสติ
[38.2]
แต่ว่าบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาอยู่ในการหยิ่งผยองและการแตกแยก
[38.3]
กี่ศตวรรษมาแล้วที่เราได้ทำลายประชาชาติก่อนพวกเขา
แล้วพวกเขาได้ร้องเรียกขอความช่วยเหลือทั้ง ๆ ที่ไม่มีเวลาอีกแล้วสำหรับทางรอด
[38.4]
และพวกเขาประหลาดใจที่มีผู้ตักเตือนจากหมู่พวกเขามายังพวกเขา
และพวกปฏิเสธศรัทธาได้กล่าวว่า นี่คือมายากร นักโกหกตัวฉกาจ
[38.5]
เขาได้ทำให้พระเจ้าหลายองค์เป็นพระเจ้าองค์เดียวกระนั้นหรือ ? แท้จริงนี่เป็นเรื่องประหลาดจริง ๆ
[38.6] และพวกหัวหน้าของพวกเขาพากันออกไป
(พลางกล่าวว่า) จงก้าวหน้าต่อไปและอดทน
ในการยึดมั่นต่อบรรดาพระเจ้าของพวกท่านต่อไป!
แท้จริงเป็นเรื่องที่ถูกวางแผนไว้แล้ว
[38.7]
เราไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนในศาสนาสุดท้าย นี่มิใช่อื่นใด
นอกจากเป็นการเสกสรรปั้นแต่งขึ้นมาเท่านั้น
[38.8] ได้มีข้อตักเตือน (อัลกุรอาน)
ถูกประทานลงมาแก่เขา แทนพวกเรากระนั้นหรือ ? หามิได้
พวกเขาอยู่ในการสงสัยจากข้อตักเตือนของข้า ! ไม่เพียงแต่เท่านั้น
พวกเขายังมิได้ลิ้มรสการลงโทษของข้า !
[38.9] หรือว่า ณ
ที่พวกเขามีขุมคลังแห่งความเมตตาของพระเจ้าของเจ้า ผู้ทรงอำนาจ
ผู้ทรงประทานให้อย่างมากมาย
[38.10]
หรือว่าอำนาจแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และที่อยู่ระหว่างทั้งสองเป็นของพวกเขา
ดังนั้น จงให้พวกเขาขึ้นไปหาสาเหตุกันเถิด
[38.11] (พวกเขา) เป็นไพร่พลจากแนวร่วมต่าง ๆ
จะพ่ายแท้หนีเตลิดไปในไม่ช้านี้
[38.12] ก่อนหน้าพวกเขา หมู่ชนของนูห์และอ๊าด
และฟิรเอาน์เจ้าของเสาหมุด ได้ปฏิเสธมาแล้ว
[38.13] และษะมูด และหมู่ชนของลูฏ
และชาวป่าทึบ ชนเหล่านี้เป็นแนวร่วม
[38.14] ไม่มีคนหนึ่งคนใด (ในพวกเขา)
เว้นแต่ปฏิเสธบรรดาร่อซู้ล ดังนั้น การลงโทษของข้าจึงเหมาะสม (แก่พวกเขา)
[38.15] และพวกเขาเหล่านั้นมิได้คอยอันใด
นอกจากเสียงกัมปนาทเพียงครั้งเดียว โดยไม่มีการชักช้า
[38.16] และพวกเขากล่าวว่า
ข้าแต่พระเจ้าของเรา ขอทรงโปรดเร่งส่วนของเราให้แก่เราโดยเร็วเถิด
ก่อนที่จะถึงวันแห่งการชำระบัญชี
[38.17] เจ้า (มุฮัมมัด)
จงอดทนต่อสิ่งที่พวกเขากล่าว และจงรำลึกถึงบ่าวของเรา ดาวู๊ด ผู้ทรงพลัง
(ในการปฏิบัติศาสนกิจ) แท้จริงเขาเป็นผู้ผินหน้าเข้าหาอัลลอฮ์เสมอ
[38.18] แท้จริง เราได้ทำให้ภูเขาแซ่ซ้องสดุดีพร้อมกับเขา
ทั้งในยามพลบค่ำและยามรุ่งอรุณ
[38.19] และ (เราได้ทำให้) นกมารวมกันทั้งหมด
เชื่อฟังเขา
[38.20] และเราได้ทำให้อาณาจักรของเขาเข้มแข็ง
และเราได้ให้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่เขา และการตัดสินชี้ขาดในเรื่องต่าง ๆ
[38.21] และมีเรื่องของผู้โต้เถียงมาถึงเจ้า
(มุฮัมมัด) บ้างไหม ?
เมื่อพวกเขาปีนข้ามกำแพงไปที่มิหฺรอบ (ของดาวู๊ด)
[38.22] เมื่อพวกเขาได้เข้ามาหาดาวู๊ด
เขาตกใจกลัวพวกเขา พวกเขากล่าวว่า อย่าได้กลัวเลย
เราคือผู้โต้เถียงสองคนคนหนึ่งในพวกเราได้ล่วงเกินอีกคนหนึ่ง ดังนั้น
ได้โปรดตัดสินระหว่างพวกเราด้วยความยุติธรรมและอย่าได้ลำเอียงไม่เที่ยงธรรม
และจงชี้แนะเราสู่แนวทางที่เที่ยงตรง
[38.23] แท้จริงนี่คือพี่ชายของฉัน
เขามีแกะตัวเมีย 99 ตัว และฉันมีแกะตัวเมียตัวเดียวแล้วเขายังพูดว่า
เอามันมาให้ฉันซิ และเขาได้ข่มขู่ฉันในคำพูด
[38.24] เขา (ดาวู๊ด) กล่าวว่า แน่นอน
เขาอธรรมต่อท่านในการขอให้นำแกะของท่านไปรวมกับแกะของเขา
และแท้จริงส่วนมากของผู้มีหุ้นส่วนร่วมกัน
บางคนในพวกเขามักละเมิดสิทธิของอีกคนหนึ่ง
เว้นแต่บรรดาผู้ศรัทธาและประกอบความดีทั้งหลาย และพวกเขาเช่นนี้มีน้อย
และดาวู๊ดรู้สึกว่าเราได้ทดสอบเขา ดังนั้น เขาจึงได้ขออภัยต่อพระเจ้าของเขา
และเขาได้ก้มลงรูกัวะและทบทวนความผิดด้วยความเสียใจ
[38.25] ดังนั้น
เราได้ให้อภัยแก่เขาในเรื่องนั้น และแท้จริง สำหรับเขานั้นย่อมอยู่ใกล้ชิด ณ
ที่เรา และทางกลับที่ดียิ่ง (ในปรโลก)
[38.26] โอ้ดาวู๊ดเอ๋ย ! เราได้แต่งตั้งเจ้าให้เป็นตัวแทนในแผ่นดินนี้ ดังนั้น เจ้าจงตัดสินคดีต่าง
ๆ ระหว่างมนุษย์ด้วยความยุติธรรม และอย่าปฏิบัติตามอารมณ์ใฝ่ต่ำ
มันจะทำให้เจ้าหลงไปจากทางของอัลลอฮ์ แท้จริงบรรดาผู้ที่หลงไปจากทางของอัลลอฮ์นั้น
สำหรับพวกเขาจะได้รับการลงโทษอย่างสาหัส เนื่องด้วยพวกเขาลืมวันแห่งการชำระบัญชี
[38.27] พระองค์มิได้สร้างฟ้าและแผ่นดิน
และสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสองด้วยความเท็จ
นั่นเป็นการคาดคิดของบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา ดังนั้น
ความหายนะคือไฟนรกจงประสบแก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา
[38.28]
จะให้เราปฏิบัติต่อบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลาย เช่นบรรดาผู้บ่อนทำลายในแผ่นดินกระนั้นหรือ? หรือว่าจะให้เราปฏิบัติต่อบรรดาผู้ยำเกรง
เช่นบรรดาคนชั่วกระนั้นหรือ?
[38.29] คัมภีร์ (อัลกุรอาน)
เราได้ประทานลงมาให้แก่เจ้าซึ่งมีความจำเริญ
เพื่อพวกเขาจะได้พินิจพิจารณาอายาตต่าง
ๆของอัลกุรอานและเพื่อปวงผู้มีสติปัญญาจะได้ใคร่ครวญ
[38.30] เราได้ประทาน (บุตร)
คือสุลัยมานบ่าวผู้ประเสริฐแก่ดาวู๊ด แท้จริงเขาหันหน้าเข้าสู่เราเสมอ
[38.31]
และจงรำลึกเมื่อม้าพันธุ์ดีถูกนำมาเสนอแก่เขาในยามเย็นวันหนึ่ง
[38.32] เขากล่าวว่า
แท้จริงฉันรักทรัพย์สมบัติ (หมายถึงม้า) จนมันทำให้ฉันลืมการรำลึกถึงพระเจ้าของฉัน
จนกระทั่งดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า
[38.33] จงนำมันกลับมาให้ฉัน
แล้วเขาก็เริ่มลูบขาและคอของมัน
[38.34] และโดยแน่นอนเราได้ทดสอบสุลัยมาน
และเราได้วางร่างหนึ่งไว้บนเก้าอี้ของเขา แล้วเขาก็ทบทวนความผิดด้วยความเสียใจ
[38.35] เขากล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์
ขอพระองค์ทรงอภัยให้แก่ข้าพระองค์ด้วย
ขอพระองค์ทรงประทานอำนาจอันกว้างขวางแก่ข้าพระองค์
ซึ่งไม่คู่ควรแก่ผู้ใดนอกจากข้าพระองค์
แท้จริงพระองค์เท่านั้นเป็นผู้ทรงประทานให้อย่างมากมาย
[38.36] และเราได้ทำให้ลมพัดเฉื่อย ๆ
ตามบัญชาของเขาไปยังทิศทางที่เขาต้องการ
[38.37] และ (เราได้ทำให้) บรรดาชัยตอน
(อยู่ใต้คำสั่งของเขา) พวกนั้นทั้งหมดเป็นช่างก่อสร้าง และประดาน้ำ
[38.38] และพวกอื่น ๆ
ถูกพันธนาการด้วยโซ่ติดกัน
[38.39] นี่คือการประทานให้ของเรา
(แก่สุลัยมาน) ดังนั้นเจ้าจะให้แก่ใครก็ได้ หรือจะยับยั้งไม่ให้ใครก็ได้
โดยเจ้าจะไม่ถูกสอบสวน
[38.40] และแท้จริง
สำหรับเขานั้นย่อมอยู่ใกล้ชิด ณ ที่เรา และทางกลับที่ดียิ่ง (ในปรโลก)
[38.41] และจงรำลึกถึงบ่าวของเรา อัยยู๊บ
เมื่อเขาวิงวอนขอต่อพระเจ้าของเขา โดยกล่าวว่า
ชัยตอนมารร้ายได้ทำให้ฉันได้รับความเหนื่อยยาก และทุกข์ทรมาน
[38.42] จงกระทืบ (แผ่นดิน) ด้วยเท้าของเจ้า
นี่คือน้ำเย็นสำหรับอาบชำระล้าง และสำหรับดื่ม
[38.43]
และเราได้ประทานครอบครัวของเขาให้แก่เขา และเช่นเดียวกับพวกเขาพร้อมพวกเขา
เป็นความเมตตาจากเราและเป็นข้อเตือนสติแด่ปวงผู้มีสติทั้งหลาย
[38.44] และจงเอาเศษไม้สักกำหนึ่งแล้วฟาดด้วยมัน
และอย่าถอนคำสาบาน แท้จริงเราพบว่า เขา (อัยยู๊บ)
เป็นผู้อดทนบ่าวผู้ประเสริฐแท้จริงเขาหันหน้าเข้าสู่เราเสมอ
[38.45] และจงรำลึกถึงปวงบ่าวของเรา อิบรอฮีม
อิสหาก และยะอ์กู๊บ ผู้ที่เข้มแข็งและสายตาไกล (ในเรื่องศาสนา)
[38.46] เราได้เลือกพวกเขาโดยเฉพาะเพื่อเตือนให้รำลึกถึงปรโลก
[38.47] และแท้จริงพวกเขานั้น ในทัศนะของเรา
แน่นอนอยู่ในหมู่ผู้ได้รับเลือกเพราะพวกเขาเป็นคนดี
[38.48] และจงรำลึกถึงอิสมาอีล และอัลยะซะอ์
และซัลกิฟลิ และทุกคนอยู่ในหมู่ผู้ดีเลิศ
[38.49] นี่คือข้อตักเตือน
และแท้จริงสำหรับบรรดาผู้ยำเกรงนั้น แน่นอนทางกลับ (ของพวกเขา) ย่อมประเสริฐแท้
[38.50] คือสวนสวรรค์หลากหลายอันสถาพรประตู
(ทุกบาน) จะเปิดอ้าไว้สำหรับต้อนรับพวกเขา
[38.51] นอนเอกเขนกอยู่ในสวนสวรรค์
พวกเขาจะเรียกเอาผลไม้ และเครื่องดื่มนานาชนิด
[38.52] และ ณ ที่พวกเขานั้น มีหญิงบริสุทธิ์ผู้ลดสายตาลงต่ำ
มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน
[38.53] นี่คือสิ่งที่พวกเจ้าถูกสัญญาไว้
สำหรับวันแห่งการชำระบัญชี
[38.54] แท้จริง
นี่คือปัจจัยยังชีพของเราอย่างแน่นอน มันจะไม่มีวันหมดสิ้น
[38.55] ดังนั้น
และแท้จริงสำหรับบรรดาผู้ละเมิดนั้น แน่นอนทางกลับ (ของพวกเขา) ย่อมเลวจริง ๆ
[38.56] คือนรกญะฮันนัม
พวกเขาจะเข้าไปเผาไหม้ในมัน ดังนั้นมันเป็นที่พำนักที่ชั่วช้ายิ่ง
[38.57] นี่ (คือการลงโทษอันเจ็บแสบ)
ดังนั้นพวกเจ้าจงลิ้มรสมัน (คือ) น้ำเดือดพล่าน และน้ำเลือดน้ำหนอง (ของชาวนรก)
[38.58] และ (การลงโทษ) ชนิดอื่นอีก
เยี่ยงการลงโทษดังกล่าวที่เท่าเทียมคู่ควรกัน
[38.59]
นี่คือฝูงชนวิ่งกรูกันไปพร้อมกับพวกเจ้า ไม่มีการต้อนรับพวกเขาดอก แท้จริง
พวกเขาจะเข้าไปอยู่ในไฟนรก
[38.60] พวกเขากล่าวว่า แต่ว่าพวกท่านต่างหาก
ไม่มีการต้อนรับพวกท่าน เพราะพวกท่านได้เตรียมตัวไว้สำหรับเรา ดังนั้นมันเป็นที่พักอันชั่วช้า
[38.61] พวกเขากล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของเรา
ผู้ใดที่ได้เตรียมการลงโทษนี้ไว้ให้แก่เรา
ขอพระองค์ได้ทรงโปรดเพิ่มการลงโทษแก่เขาเป็นสองเท่าในไฟนรก
[38.62] และพวกเขากล่าวว่า
มีอะไรเกิดขึ้นแก่เรา ทำไมเราจึงไม่เห็นชายอีกหลายคนที่เรานับพวกเขาว่า
อยู่ในหมู่ผู้เลวทรามยิ่ง?
[38.63] เนื่องเพราะเราถือ
เอาพวกเขาเป็นที่เยาะเย้ยน่าขัน หรือสายตาของพวกเราคลาดเคลื่อนไปจากพวกเขา
[38.64] แท้จริง นั่นคือความจริง
จะมีการโต้เถียงกันระหว่างชาวนรกด้วยกัน
[38.65] จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
แท้จริงฉันเป็นแต่ผู้ตักเตือนเท่านั้น ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ผู้ทรงเอกะ
ผู้ทรงพิชิต
[38.66] พระเจ้าแห่งชั้นฟ้าทั้งหลาย
และแผ่นดิน และสิ่งที่อยู่ในระหว่างทั้งสอง ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงอภัยอย่างมากหลาย
[38.67] จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
นี่คือข่าวสำคัญอันยิ่งใหญ่
[38.68] ที่พวกท่านผินหลังให้กับมัน
[38.69]
ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยในเรื่องของมลาอิกะฮ์ เมื่อพวกเขาโต้เถียงกัน
[38.70] (เพราะ)
มิได้มีวะฮีย์ยฺแก่ฉันนอกจากว่าฉันเป็นเพียง ผู้ตักเตือนอันชัดแจ้งเท่านั้น
[38.71] จงรำลึกถึงขณะที่พระเจ้าตรัส
แก่มลาอิกะฮ์ว่า แท้จริงข้าจะสร้างมนุษย์คนหนึ่งจากดิน
[38.72] ดังนั้น
เมื่อข้าได้ทำให้เขามีรูปร่างสมส่วน และได้เป่าวิญญาณจากข้าเข้าไปในตัวเขา
ฉะนั้นพวกเจ้าจงก้มลงสุญูดต่อเขา
[38.73] แล้วมลาอิกะฮ์ทั้งมวลก็ได้ก้มลงสุญูด
[38.74] นอกจากอิบลีส
มันเย่อหยิ่งจองหองและมันอยู่ในหมู่ผู้ปฏิเสธศรัทธา
[38.75] พระองค์ตรัสว่า อิบลีสเอ๋ย
อะไรเล่าที่ขัดขวางเจ้ามิให้เจ้าสุญูดต่อสิ่งที่ข้าได้สร้างด้วยมือทั้งสองของข้า ? เจ้าเย่อหยิ่งจองหองนักหรือ หรือว่าเจ้าอยู่ในหมู่ผู้สูงส่ง
[38.76] มันกล่าวว่า ข้าพระองค์ดีกว่าเขา
พระองค์ทรงสร้างข้าพระองค์จากไฟ และทรงสร้างเขาจากดิน
[38.77] พระองค์ตรัสว่า
ดังนั้นเจ้าจงออกไปจากที่นี่ เพราะแท้จริงเจ้าเป็นผู้ถูกขับไล่
[38.78]
และแท้จริงการสาปแช่งของข้าจงประสบแก่เจ้าจนกระทั่งวันแห่งการตอบแทน
[38.79] มันกล่าวว่า โอ้ พระเจ้าของข้า
พระองค์ได้โปรดประวิงเวลาให้แก่ข้าพระองค์จนถึงวันฟื้นคืนชีพด้วยเถิด
[38.80] พระองค์ตรัสว่า ดังนั้น
แท้จริงเจ้าอยู่ในหมู่ผู้ถูกประวิงเวลา
[38.81]
จนกระทั่งถึงวันแห่งเวลาที่ถูกกำหนดไว้แล้ว
[38.82] มันกล่าวว่า
ดังนั้นด้วยพระอำนาจของพระองค์ท่าน แน่นอนข้าพระองค์ก็จะทำให้พวกเขาทั้งหมดหลงผิด
[38.83] เว้นแต่ปวงบ่าวของพระองค์ในหมู่พวกเขาที่มีใจบริสุทธิ์เท่านั้น
[38.84] พระองค์ตรัสว่า
ดังนั้นมันเป็นความจริง และข้าจะกล่าวแต่ความจริงเท่านั้น
[38.85] แน่นอน
ข้าจะให้นรกนั้นเต็มไปด้วยพวกเจ้า และจากผู้ที่เชื่อฟังเจ้าในหมู่พวกเขาทั้งหมด
[38.86] จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดว่า
ฉันมิได้ขอรางวัลค่าตอบแทนจากพวกท่านในการทำหน้าที่นี้แต่อย่างใด
และฉันก็มิได้อยู่ในหมู่ผู้หลอกลวงอ้างสิทธิเลย
[38.87]
มันมิใช่อื่นใดนอกจากเป็นการตักเตือนแก่ปวงมนุษย์
[38.88]
และแน่นอน เจ้าจะรู้ข่าวคราวของอัลกุรอานในระยะเวลาอันใกล้นี้
39. ซูเราะห์อัซซุมัร
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[39.1] คัมภีร์นี้เป็นการประทานลงมาจากอัลลอฮ์
ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ
[39.2]
แท้จริงเราได้ประทานคัมภีร์มายังเจ้าด้วยสัจธรรม
ดังนั้นเจ้าจงเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์ โดยเป็นผู้มีความบริสุทธิ์ใจในศาสนาต่อพระองค์
[39.3] พึงทราบเถิด การอิบาดะฮ์โดยบริสุทธิ์ใจนั้นเป็นของอัลลอฮ์องค์เดียว
ส่วนบรรดาผู้ที่ยึดถือเอาบรรดาผู้คุ้มครองอื่นจากอัลลอฮ์
โดยกล่าวว่าเรามิได้เคารพภักดีพวกเขา เว้นแต่เพื่อทำให้เราเข้าใกล้ชิดต่ออัลลอฮ์
แท้จริงอัลลอฮ์จะทรงตัดสินระหว่างพวกเขาในสิ่งที่พวกเขาขัดแย้งกันในเรื่องนั้น แท้จริงอัลลอฮ์จะไม่ทรงชี้นำทางแก่ผู้กล่าวเท็จ
ผู้ไม่สำนึกบุญคุณ
[39.4] หากอัลลอฮ์ทรงประสงค์จะมีพระโอรส
แน่นอนพระองค์จะทรงเลือกจากสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างมาตามที่พระองค์ทรงประสงค์มหาบริสุทธิ์แห่งพระองค์ท่าน
พระองค์คืออัลลอฮ์ ผู้ทรงเอกะ ผู้ทรงพิชิต
[39.5] พระองค์ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินด้วยความจริงอันชัดแจ้ง
พระองค์ทรงให้กลางคืนคาบเกี่ยวเข้าไปในกลางวันและทรงให้กลางวันคาบเกี่ยวเข้าไปในกลางคืน
และทรงให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เป็นประโยชน์ (แก่มนุษย์)
ทุกสิ่งโคจรไปตามวาระที่ได้กำหนดไว้ พึงทราบเถิด พระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ
ผู้ทรงอภัยอย่างมาก
[39.6] พระองค์ทรงสร้างพวกเจ้าจากชีวิตหนึ่ง
แล้วจากชีวิตนั้นทรงทำให้เป็นของคู่ครองของมัน
และทรงประทานปศุสัตว์แปดตัวเป็นคู่แก่พวกเจ้า
พระองค์ทรงสร้างพวกเจ้าในครรภ์ของมารดาพวกเจ้า
เป็นการบังเกิดครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่ในความมืดสามชั้น นั่นคืออัลลอฮ์
พระเจ้าของพวกเจ้า พระอำนาจเป็นสิทธิของพระองค์ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์
แล้วทำไมพวกเจ้าจึงผินหน้าไปทางอื่น!
[39.7] หากพวกเจ้าปฏิเสธศรัทธา ดังนั้น
แท้จริงอัลลอฮ์นั้น
ทรงพอเพียงจากพวกเจ้าและจะไม่ทรงปิติยินดีต่อการเนรคุณของปวงบ่าวของพระองค์
และหากพวกเจ้ากตัญญู พระองค์ก็จะทรงปิติยินดีต่อพวกเจ้า
และไม่มีผู้แบกภาระคนใดที่จะแบกภาระของผู้อื่นได้
แล้วยังพระเจ้าของพวกเจ้าคือการกลับของพวกเจ้า
และพระองค์ก็จะทรงบอกเล่าพวกเจ้าในสิ่งที่พวกเจ้าได้กระทำไว้แท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในทรวงอก
[39.8] และเมื่อทุกขภัยใด ๆ ประสบแก่มนุษย์
เขาก็จะวิงวอนขอต่อพระเจ้าของเขาเป็นผู้หันหน้าเข้าสู่พระองค์อย่างนอบน้อม
ครั้นเมื่อพระองค์ทรงประทานความโปรดปรานจากพระองค์ให้แก่เขา
เขาก็ลืมสิ่งที่เขาได้เคยวิงวอนขอต่อพระองค์มาแต่ก่อน และเขาได้ตั้งภาคีคู่เคียงกับอัลลอฮ์เพื่อให้หลงจากทางของอัลลอฮ์
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ท่านจงร่าเริงเพียงระยะหนึ่งต่อการปฏิเสธของท่านเถิด
แท้จริงท่านนั้นอยู่ในหมู่ชาวนรก
[39.9] ผู้ที่เขาเป็นผู้ภักดีในยามค่ำคืน
ในสภาพของผู้สุญูด และผู้ยืนละหมาดโดยที่เขาหวั่นเกรงต่อโลกอาคิเราะฮ์ และหวังความเมตตาของพระเจ้าของเขา
(จะเหมือนกับผู้ที่ตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์กระนั้นหรือ) จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด บรรดาผู้รู้และบรรดาผู้ไม่รู้จะเท่าเทียมกันหรือ แท้จริงบรรดาผู้มีสติปัญญาเท่านั้นที่จะใคร่ครวญ
[39.10] จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
โอ้ปวงบ่าวผู้ศรัทธาทั้งหลายเอ๋ย! จงยำเกรงพระเจ้าของพวกท่านเถิด
สำหรับบรรดาผู้ทำความดีในโลกนี้คือ (จะได้รับการตอบแทน)
ความดีและแผ่นดินของอัลลอฮ์นั้นกว้างใหญ่ไพศาล
แท้จริงบรรดาผู้อดทนนั้นจะได้รับการตอบแทนรางวัลของพวกเขาอย่างสมบูรณ์โดยไม่ต้องคำนวณ
[39.11] จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
แท้จริงฉันได้ถูกบัญชาให้เคารพภักดีต่ออัลลอฮ์
โดยเป็นผู้มีความบริสุทธิ์ใจในศาสนาต่อพระองค์
[39.12]
และฉันได้ถูกบัญชาให้ฉันเป็นคนแรกของปวงชนผู้นอบน้อม
[39.13] จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
แท้จริงฉันกลัวการลงโทษแห่งวันอันยิ่งใหญ่ หากฉันฝ่าฝืนพระเจ้าของฉัน
[39.14] จงกล่าวเถิด เฉพาะอัลลอฮ์เท่านั้นที่ฉันเคารพภักดีโดยเป็นผู้มีความบริสุทธิ์ใจในศาสนาของฉันต่อพระองค์
[39.15]
ดังนั้นพวกท่านจงสักการะบูชาตามที่พวกท่านประสงค์อื่นจากพระองค์เถิด
จงกล่าวเถิดว่า แท้จริงบรรดาผู้ขาดทุนนั้นคือ บรรดาผู้ที่ทำตัวของพวกเขาเอง
และครอบครัวของพวกเขาให้ขาดทุนในวันกิยามะฮ์ พึงรู้เถิดว่านั่นคือ
การขาดทุนอย่างชัดแจ้ง
[39.16]
สำหรับพวกเขานั้นมีชั้นของเปลวไฟนรกปกคลุมเหนือพวกเขา
และเบื้องล่างของพวกเขาก็มีชั้นของเปลวไฟนรกอยู่ด้วย
สิ่งนั้นแหละที่อัลลอฮ์ทรงทำให้ปวงบ่าวของพระองค์กลัว โอ้ปวงบ่าวของข้าเอ๋ย ! จงยำเกรงต่อข้าเถิด
[39.17]
และบรรดาผู้ที่หลีกหนีให้ห่างจากพวกเจว็ดเพื่อที่จะไม่สักการะบูชามัน
และหันไปจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์
สำหรับพวกเขานั้นมีข่าวดีดังนั้นเจ้าจงแจ้งข่าวดีแก่ปวงบ่าวของข้า
[39.18] บรรดาผู้ที่สดับฟังคำกล่าว
แล้วปฏิบัติตามที่ดีที่สุดของมัน ชนเหล่านี้คือบรรดาผู้ที่อัลลอฮ์ทรงชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องแก่พวกเขาและชนเหล่านี้พวกเขาคือผู้ที่มีสติปัญญาใคร่ครวญ
[39.19]
ดังนั้นผู้ที่คำมั่นสัญญาแห่งการลงโทษได้คู่ควรแก่เขาแล้ว
(เจ้าสามารถจะฮิดายะฮ์ให้แก่เขา) กระนั้นหรือ? และเจ้าจะช่วยผู้ที่อยู่ในนรกให้รอดพ้นได้หรือ ?
[39.20]
แต่บรรดาผู้ยำเกรงพระเจ้าของพวกเขานั้น
สำหรับพวกเขาจะมีคฤหาสน์สง่าโอ่โถงเหนือขึ้นไปอีกก็มีคฤหาสน์สง่าโอ่โถงสร้างไว้ ณ
เบื้องล่างของมันมีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน (มันเป็น) ข้อสัญญาของอัลลอฮ์
อัลลอฮ์นั้นจะไม่ทรงบิดพริ้วสัญญา
[39.21] เจ้ามิเห็นดอกหรือว่า แท้จริงอัลลอฮ์ทรงหลั่งน้ำลงมาจากฟากฟ้า
แล้วทรงให้มันไหลซึมลงไปในแผ่นดินเป็นตาน้ำด้วยน้ำนั้นทรงให้พืชงอกออกมาหลายสี
แล้วมันก็จะเหี่ยวแห้ง ดังนั้น เจ้าจะเห็นมันกลายเป็นสีเหลือง
แล้วพระองค์ทรงทำให้มันเป็นเศษเป็นชิ้น
แท้จริงในการนั้นย่อมเป็นข้อเตือนสติแก่ผู้มีสติปัญญาทั้งหลาย
[39.22]
ผู้ใดที่อัลลอฮ์ทรงเปิดทรวงอกของเขาเพื่ออิสลาม
และเขาอยู่บนแสงสว่างจากพระเจ้าของเขา (จะเหมือนกับผู้ที่หัวใจบอดกระนั้นหรือ?) ดังนั้นความวิบัติจงประสบแด่ผู้ที่หัวใจของพวกเขาแข็งกระด้างต่อการรำลึกถึงอัลลอฮ์
ชนเหล่านี้อยู่ในการหลงผิดอันชัดแจ้ง
[39.23]
อัลลอฮ์ได้ทรงประทานคำกล่าวที่ดียิ่งลงมาเป็นคัมภีร์คล้องจองกันกล่าวซ้ำกัน
ผิวหนังของบรรดาผู้ที่เกรงกลัวพระเจ้าของพวกเขาจะลุกชันขึ้น
แล้วผิวหนังของพวกเขาและหัวใจของพวกเขาจะสงบลงเพื่อรำลึกถึงอัลลอฮ์
นั่นคือการชี้นำทางของอัลลอฮ์ พระองค์จะทรงชี้นำทางแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และผู้ใดที่อัลลอฮ์ทรงให้เขาหลงทาง
ดังนั้นสำหรับเขาจะไม่มีผู้ชี้นำทาง
[39.24]
ดังนั้นผู้ใดที่ป้องกันใบหน้าของเขาให้พ้นจากการลงโทษอันชั่วช้าในวันกิยามะฮ์
(จะเหมือนกับผู้ที่ปลอดภัยจากการลงโทษกระนั้นหรือ และจะมีเสียงกล่าวแก่บรรดาผู้อธรรมว่า
จงลิ้มรสสิ่งที่พวกเจ้าแสวงหาไว้เถิด
[39.25]
บรรดาหมู่ชนก่อนหน้าพวกเขาได้ปฏิเสธมาแล้ว ดังนั้นการลงโทษได้มีมายังพวกเขา
โดยที่พวกเขาไม่รู้สึกตัว
[39.26] ดังนั้น
อัลลอฮ์ทรงให้พวกเขาลิ้มรสความอัปยศในชีวิตของโลกนี้
และแน่นอนการลงโทษในปรโลกนั้นยิ่งใหญ่กว่า หากพวกเขาได้รู้
[39.27] และโดยแน่นอน เราได้ยกไว้ในทุก ๆ
อุทาหรณ์ในอัลกุรอานนี้สำหรับมนุษย์เพื่อพวกเขาจะได้ใคร่ครวญ
[39.28] กุรอานเป็นภาษาอาหรับ
ไม่มีการคดเคี้ยวเพื่อพวกเขาจะได้ยำเกรง
[39.29]
อัลลอฮ์ทรงยกอุทาหรณ์ชายคนหนึ่งเป็นของหุ้นส่วนหลายคน พวกเขาขัดแย้งไม่ลงรอยกัน
และชายอีกคนหนึ่งเป็นของชายคนหนึ่งโดยเฉพาะ
ทั้งสองนี้จะเป็นอุทาหรณ์ที่เท่าเทียมกันหรือ การสรรเสริญทั้งมวลเป็นของอัลลอฮ์
แต่ว่าส่วนมากของพวกเขาไม่รู้
[39.30] แท้จริงเจ้าจะต้องตาย
และแท้จริงพวกเขาจะต้องตาย
[39.31]
แล้วแท้จริงพวกเจ้าในวันกิยามะฮ์จะถกเถียงกันต่อหน้าพระเจ้าของพวกเจ้า
[สิ้นสุดญุซอ์ที่ 23]
ป้ายกำกับ: ญุซอ์ที่ 23, วะ มา อันซัลนา
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]
<< หน้าแรก