วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

อิสลามจะแตกออกเป็น 73 จำพวก

อิสลามจะแตกออกเป็น 73 จำพวก หรือมากกว่า ตามที่ท่านบีมุฮัมมัด กล่าวไว้
นักวิชาการอิสลาม มีทัศนะแตกต่างกันในการแบ่งจำนวนนิกายต่างๆในโลกอิสลาม
1.บางท่านตีความหมายของคำว่า 73 จำพวกในที่นี้ว่าหมายถึงมุสลิมจะแตกแยกกันมากมายหลายกลุ่ม ไม่ได้เจาะจงว่าต้องแตกออกเป็น 73 จำพวกพอดีตามตัวบทวจนะของท่านศาสดา
2.บ้างกล่าวว่ามีมากกว่า 73 กลุ่ม
3.บ้างว่ามีน้อยกว่า 70 กลุ่ม
แกนหลัก
จากที่ได้นำเสนอมา สามารถแบ่งกลุ่มแกนนำหลักๆได้ 6 กลุ่มดังนี้คือ
กลุ่มแรก ซุนนี่ หรืออะฮ์ลุสสุนนะฮ์ วัลญะมาอะฮ์
กลุ่มที่สอง มุอ์ต๊ะซิละฮ์
กลุ่มที่สาม ญับบะรียะฮ์
กลุ่มที่สี่ ค่อวาริจญ์
กลุ่มที่ห้า มุรญิอะฮ์
กลุ่มที่หก ชีอะฮ์
รายชื่อ 73 นิกายในอิสลาม
กลุ่มแรก ซุนนี่ หรืออะฮ์ลุสสุนนะฮ์ วัลญะมาอะฮ์ มี 4 กลุ่ม
1.อัลอัชอะรียะฮ์ หรือ อัลอะชาอิเราะฮ์ , อัลมุตูริดียะฮ์ ,อัลอะษะรียะฮ์(อะฮ์ลุลหะดิษ) ที่มาจาก หะนะฟี , มาลิกี , ชาฟิอีย์ ,ส่วนมากจากฮัมบาลี
2.วาฮาบี จากบางกลุ่มของฮัมบาลีย์ และบางกลุ่มจากอะฮ์ลุลหะดิษ
3.ตอรีกัต
4.ดาอ์วะฮ์ วัตตับลีฆ
กลุ่มที่สอง มุอ์ต๊ะซิละฮ์ มี 12 กลุ่ม
1.วาซิลียะฮ์
2.ฮุซัยลียะฮ์
3.นัซซอมียะฮ์
4.คอบิฏียะฮ์และฮะดะษียะฮ์
5.บิชรียะฮ์
6.มุอัมมิรียะฮ์
7.มุรดารียะฮ์
8.ษุมามียะฮ์
9.ฮะชามียะฮ์
10.ญาฮิซียะฮ์
11.ค็อยยาฏียะฮ์และก๊ะอ์บียะฮ์
12.ญิบาอียะฮ์และบะฮ์ชีมียะฮ์
กลุ่มที่สาม ญับบะรียะฮ์มี 5 กลุ่ม
1.ญะฮ์มียะฮ์
2.นัจญารียะฮ์
3.ฎิรอรียะฮ์
4.มุชับบะฮะฮ์
5.กะรอมียะฮ์
กลุ่มที่สี่ ค่อวาริจญ์มี 18 กลุ่ม
1.มุฮักกิมะตุล อูลา
2.อะซาริเกาะฮ์
3.นัจญะดาตุล อาซิรียะฮ์
4.บัยฮะซียะฮ์
5.อะญาริดะฮ์
6.ษะอาละบะฮ์
7.อั๊คนะซียะฮ์
8.มุอับบิดียะฮ์
9.ร่อชีดียะฮ์
10.ชัยบานียะฮ์
11.มุกร่อมียะฮ์
12.ม๊ะอ์ลูมียะฮ์และมัจฮูลียะฮ์
13.บิดอียะฮ์
14.อับบาฎียะฮ์
15.ฮัฟซียะฮ์
16.ฮาริษียะฮ์
17.ยะซีดียะฮ์
18.ศ็อฟรียะฮ์ อัซ-ซิยาดียะฮ์
กลุ่มที่ห้า มุรญิอะฮ์มี 6 กลุ่ม
1.ยูนุซียะฮ์
2.อะบีดียะฮ์
3.ฆ็อสซานียะฮ์
4.ษูบานียะฮ์
5.ตูมีนียะฮ์
6.ซอลีฮียะฮ์
กลุ่มที่หก กลุ่มชีอะฮ์ มี 24 กลุ่ม สาขาซัยดียะฮ์
1.ฮะรูดียะฮ์
2.สุลัยมานียะฮ์
3.อับตะรียะฮ์
สาขาที่อ้างว่าเป็นชีอะฮ์ แต่ความจริงไม่ใช่ชีอะฮ์
1.บะยานียะฮ์
2.มุฆีรียะฮ์
3.มันซูรียะฮ์
4.ญะนาฮียะฮ์
5.ค็อฏตอบียะฮ์
6.ฮะรูรียะฮ์
สาขาอิมามียะฮ์
1.มุฮำมะดียะฮ์
2.บากิรียะฮ์
3.นาวูซียะฮ์
4.ชะมีตียะฮ์
5.อิมารียะฮ์
6.อิสมาอีลียะฮ์
7.มุบาร่อกียะฮ์
8.มูซาวียะฮ์
9.ก็อฏอียะฮ์
10.ฮาชีมียะฮ์
11.ซะรอดียะฮ์
12.ยูนุซียะฮ์
13.ชัยตอนียะฮ์กามิลียะฮ์
14.กามิลียะฮ์
15.ชีอะฮ์ อิษนา อะชะรียะฮ์(ชีอะฮ์12 อิม่าม)
ยังมีลัทธิ
อะห์มัดดิยะห์(กอดดะยานีย์)
อะไรคือก๊อดยานียะฮฺ ?
ประวัติของก๊อดยานียะฮฺโดยสังเขป
ก๊อดยานียะฮฺเป็นขบวนการที่ก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ.1900 (พ.ศ.2443)ตามแผนของรัฐบาลอังกฤษในยุคนั้นที่ได้ยึดครองประเทศอินเดีย เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงสร้างความแตกแยกในหมู่มุสลิม ต่อต้านการทำญิฮาด และต่อต้านกลุ่มมุญาหิดีนที่ต้องการขับไล่อำนาจของอังกฤษออกไปจากอินเดีย โดยมีมิรซา ฆุลาม อะหมัด อัลก๊อดยานียฺ เป็นเครื่องมือ ที่ได้รับการสนับสนุนและการดูแลจากตัวแทนรัฐบาลอังกฤษในสมัยนั้นอย่างดี ทำให้เขาเป็นผู้สนับสนุนจักรวรรดินิยมและวัฒนธรรมอังกฤษอย่างเต็มที่
ความเชื่อของกลุ่มก๊อดยานียะฮฺ
•พวกก๊อดยานียฺเชื่อว่า พระเจ้านั้นถือศีลอด ละหมาด นอนหลับ บันทึก มีความผิด ร่วมเพศ
•พวกก๊อดยานียฺเชื่อว่า พระเจ้าของพวกเขาเป็นชาวอังกฤษ เพราะเขาพูดด้วยภาษาอังกฤษ
•นบีมุฮัมมัดมิใช่นบีสุดท้ายของประชาชาติอิสลาม
•มิรซา ฆุลาม อะหมัด เป็นนบีที่ประเสริฐที่สุด โดยยึดเอาเรื่องนี้เป็นบรรทัดฐานแห่งความเชื่อของพวกเขา
•ญิบรีลได้นำคำสั่งสอนจากพระผู้เป็นเจ้า(อิลฮาม)มายังมิรซาฯ เสมือนอัลกุรอานของท่านนบีมุฮัมมัด
•ก๊อดยานียฺเชื่อในหนังสือที่เป็นคำสอนของมิรซาฯ ว่าเป็นคัมภีร์ของพวกเขา อื่นจากอัลกุรอาน
•สาวกของมิรซา ฆุลาม อะหมัด เหมือนสาวกของนบี
•เมืองก๊อดยาน(เมืองเกิดของมิรซาฯ) เสมือนนครมะดีนะฮฺและมักกะฮฺ โดยถือว่าเมืองก๊อดยานเป็นดินแดนหะรอม เป็นกิบลัตและสถานที่ประกอบพิธีฮัจญฺของพวกเขา
•กลุ่มก๊อดยานียะฮฺ เรียกร้องให้ประชาชาติอิสลามยก เลิกการทำญิฮาดและเชื่อฟังผู้ปกครอง(รัฐบาลอังกฤษ) ตามคำสั่งสอนในอัลกุรอานที่ให้เชื่อฟังผู้นำ
•มนุษย์ทุกคนเป็นกาฟิร(ผู้ปฏิเสธศรัทธา) จนกว่าจะเชื่อในลัทธิก๊อดยานียฺ และใครก็ตามที่สมรสกับผู้ที่มิใช่ก๊อดยานียฺก็เป็นกาฟิรเช่นเดียวกัน
•มิรซา ฆุลาม อะหมัดนั้น เสมือนบุตรของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งกำเนิดโดยไม่มีบิดาเช่นเดียวกับอีซา บุตรของมัรยัม (จากหนังสือ มาหิยัลกอดิยานียะฮฺ – ก๊อดยานียะฮฺคืออะไร, อบุลอะอฺลา อัลเมาดูดียฺ หน้า 163)
•สุราและสิ่งมึนเมา(เช่น ยาเสพติด) เป็นสิ่งหะล้าล
•มุสลิมที่ไม่ศรัทธาใน มิรซา ฆุลาม อะหมัด เป็นกาฟิรที่ละหมาดตามไม่ได้ ร่วมกิจกรรมและละหมาดญะนาซะฮฺให้ไม่ได้ และผู้ที่ไม่ศรัทธาจะพำนักในนรกตลอดกาล
•ไม่ให้ขออภัยโทษ(ดุอาอฺ)ให้มุสลิมที่มิใช่ก๊อดยานียฺ และไม่ให้ละหมาดญะนาซะฮฺให้ก๊อดยานียฺที่ละหมาดญะนาซะฮฺให้มุสลิม (จากหนังสืออัลกอดิยานียะฮฺ ,เอี๊ยะฮฺซาน อิลาฮียฺ ซอฮีร หน้า 34-44)
ก๊อดยานียะฮฺเป็นมุสลิมหรือไม่ ?
ข้อมูลเกี่ยวกับความเชื่อของก๊อดยานียะฮฺข้างต้น ทุกคนที่มีความรู้ระดับพื้นฐานจะทราบอย่างดีว่า ก๊อดยานียะฮฺนั้นเป็นลัทธิที่อยู่นอกกรอบอิสลาม บุคคลที่เชื่อในลัทธิดังกล่าว จะเป็นบุคคลที่ปฏิเสธหลักอีมานที่สำคัญในอิสลาม ทำให้บุคคลนั้นเป็นกาฟิรในทัศนะของนักปราชญ์อิสลามทั้งปวง เพราะฉะนั้นการที่จะกล่าวหาบุคคลหนึ่งว่าเป็นก๊อดยานียฺจะต้องมีการสืบและตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะการกล่าวหาจะเป็นการยืนยันว่าบุคคลนั้นเป็นกาฟิร (คือมิใช่มุสลิม) ซึ่งไม่อนุญาตให้ละหมาดญะนาซะฮฺให้เขา หรือฝังในสุสานของมุสลิม
การพิสูจน์ว่าคนหนึ่งคนใดเป็นก๊อดยานียฺ ต้องมีมาตรฐานในทางวิชาการ เพราะความเชื่อของลัทธิของก๊อดยานียฺบางประเด็นก็เป็นความเชื่อที่ตรงกับกลุ่มหรือนิกายอื่น ถึงแม้ว่าความเชื่อนั้นจะมีลักษณะเดียวกันหรือแตกต่างกันใน บางประเด็น แต่การแยกแยะระหว่างความเชื่อของแต่ละกลุ่ม จำเป็นต้องมีมาตรฐานในการระบุข้อแตกต่างเหล่านี้
ส่วนลัทธิก๊อดยานียฺนี้ บรรดานักปราชญ์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ ได้พูดถึงความเชื่อของลัทธิก๊อดยานียฺไว้อย่างละเอียด ซึ่งเป็นข้อมูลที่เราต้องนำมาใช้ในการพิสูจน์ว่าคนหนึ่งคนใดเป็นก๊อดยานียฺหรือไม่ ดังนั้น เมื่อคนหนึ่งคนใดกล่าวหาบุคคลอื่นว่าเป็นก๊อดยานียฺ จึงจำเป็นต้องอ้างอิงตำราเกี่ยวกับลัทธินี้ ซึ่งมีอยู่หลายเล่ม เช่น
หนังสือ อัลเมาซูอะฮฺ อัลมุยัสสะเราะฮฺ (สารานุกรมศาสนา นิกาย และกลุ่มต่างๆ ในศาสนาอิสลาม, WAMY หน้า 419-23)ได้ระบุ สาเหตุที่ทำให้ มิรซา ฆุลาม อะหมัด เป็นกาฟิร คือ
1.การอ้างตนเป็นนบี
2.การยกเลิกบทบัญญัติญิฮาด(ต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ)
3.การยกเลิกการประกอบพิธีฮัจญฺ ณ นครมักกะฮฺ โดยเปลี่ยนให้ไปประกอบพิธีฮัจย์ที่เมืองก๊อดยาน
4.การเปรียบเทียบอัลลอฮฺเสมือนมนุษย์
5.การเชื่อใน “อัตตะนาซุคฺ” (การเวียนว่ายตายเกิด)และ “อัลหุลูล” (อัลลอฮฺทรงอยู่ในร่างกายมนุษย์หรือวัตถุต่างๆ)
6.การเชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้ามีบุตร คือตัวมิรซาเอง
7.ปฏิเสธค็อตมุนนุบูวะฮฺ (ไม่มีนบีหลังท่านนบีมุฮัมมัด)
จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่า สาเหตุที่ทำให้กลุ่มก๊อดยานียะฮฺตกศาสนา คือประเด็นที่เกี่ยวกับหลักอีมานโดยตรง นักปราชญ์ที่ชี้แจงถึงลัทธิก๊อดยานียฺมักจะไม่ระบุรายละเอียดหลักความเชื่อทั้งหมดของก๊อดยานียฺ เนื่องจากความเชื่อของลัทธิก๊อดยานียฺบางเรื่อง ก็ตรงกับของนิกายอื่น เช่น มุอฺตะซิละฮฺ ก๊อดรียะฮฺ มุรญิอะฮฺ ฯลฯ ดังนั้น การจะตรวจสอบว่าบุคคลใดเป็นก๊อดยานียฺ จึงจำเป็นต้องระบุข้อแตกต่างระหว่างก๊อดยานียะฮฺและนิกายอื่นๆ
หนังสืออีกเล่มหนึ่งที่มีชื่อเสียง และ อาลี อีซา ได้อ้างถึงด้วยคือ มาหิยัลกอิดยานียะฮฺ ของ เมาลานา อบุลอะอฺลา อัลเมาดูดียฺ ในหน้า 68-105 ท่านได้ระบุสิ่งที่ทำให้กลุ่มก๊อดยานียะฮฺออกนอกประชาชาติอิสลาม คือ ความเชื่ออันประหลาดของพวกเขาต่อเรื่อง “ค็อตมุนนุบูวะฮฺ” หมายถึง การเชื่อว่า มิรซา ฆุลาม อะหมัด เป็นนบี
ท่านอุซตาส เอียะหฺซาน อิลาฮี ซอฮีร นักปราชญ์จากประเทศปากีสถาน ที่มีความเชี่ยวชาญในนิกายและกลุ่มต่างๆ ท่านมีตำราหลายเล่มที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ และได้เขียนหนังสือ อัลกอดิยานียะฮฺ ซึ่งเป็นการวิจัยตำรา เอกสาร วารสาร รวมทั้งคำพูดของกลุ่มก๊อดยานียฺ ในหัวข้อ “หลักเชื่อมั่นของก๊อดยานียะฮฺ” (หน้า 94-123) ท่านได้กล่าวว่า สาระสำคัญที่ทำให้ก๊อดยานียฺอยู่นอกกรอบอิสลามคือ ความเชื่อต่อนบีอื่นหลังจากท่านนบีมุฮัมมัดคือ มิรซา ฆุลาม อะหมัด
เมื่อเดือนมกราคม ค.ศ.1953 บรรดาอุละมาอฺและผู้รู้จากหลายกลุ่มทั่วปากีสถานและบังกลาเทศ (ก่อนแยกดินแดน)ได้จัดประชุมที่เมืองการาจี ประเทศปากีสถาน มีการปรึกษาหารือในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่จะร่างขึ้นสำหรับประเทศปากีสถาน และมีมติเอกฉันท์ให้เพิ่มข้อความต่อไปนี้ “เรา (นักปราชญ์ประเทศปากีสถาน) เรียกร้องรัฐสภาให้ถือว่า กลุ่มชนที่เชื่อและเห็นว่า มิรซา ฆุลาม อะหมัด อัลกอดยานียฺ เป็นผู้นำศาสนา เป็นชนกลุ่มน้อยที่มิใช่มุสลิม เสมือนชนกลุ่มน้อยอื่น ๆ ในประเทศ และกำหนดให้มีผู้แทนคนหนึ่งจากกลุ่มเหล่านี้ในรัฐสภา” (มาหิยัลกอดิยานียะฮฺ , หน้า 68-69)
จากข้อความต่างๆที่ระบุข้างต้น บ่งบอกอย่างชัดเจนว่ากลุ่มก๊อดยานียะฮฺนี้มิใช่มุสลิม และประเด็นที่ทำให้กลุ่มก๊อดยานียฺมิใช่มุสลิมก็คือ หลักเชื่อมั่นที่ค้านกับหลักศรัทธาของอิสลามโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะ อะกีดะตุค็อตมินนุบูวะติ (การเชื่อว่านบีมุฮัมมัดเป็นนบีท่านสุดท้าย)
ตราบใดก็ตามที่เราเห็นคนหนึ่งคนใดมิได้มีความเชื่อ เช่นนี้หรือเขาได้ประณาม มิรซา ฆุลาม อะหมัดหรือประกาศ ว่าก๊อดยานียะฮฺเป็นกลุ่มที่อยู่นอกกรอบอิสลามหรือประกาศ ตัดความผูกพัน(บะรออะฮฺ)กับกลุ่มก๊อดยานียะฮฺ เราก็มั่นใจได้ว่าบุคคลเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มก๊อดยานียะฮฺ ด้วยประการทั้งปวง (อิบรอฮีม กุเรชี ได้ประณามกลุ่มก๊อดยานียะฮฺและความเชื่อของลัทธินี้ในเอกสารหลายฉบับ ซึ่งจะนำมาเสนอในหัวข้อต่อไป)