อัลกุรอานญุซอ์ที่ 10
ญุซอ์ที่
10
[8.41] และพึงรู้เถิดว่า
แท้จริงสิ่งใดที่พวกเจ้าได้มาจากการทำศึกนั้น
แน่นอนหนึ่งในห้าของมันเป็นของอัลลอฮ์ และเป็นของร่อซู้ล และเป็นของญาติที่ใกล้ชิด
และบรรดาเด็กกำพร้า และบรรดาผู้ขัดสน และผู้เดินทาง
หากพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮ์และสิ่งที่เราได้ให้ลงมาแก่บ่าวของเราในวันแห่งการจำแนกระหว่างการศรัทธา
และการปฏิเสธ คือวันที่สองฝ่ายเผชิญกัน
และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง
[8.42]
จงรำลึกขณะที่พวกเจ้าอยู่ในด้านหุบเขาที่กว้างกว่าและพวกเขาอยู่ด้านหุบเขาที่ไกลกว่าและกองคาราวานนั้นอยู่ต่ำกว่าพวกเจ้า
และถ้าหากพวกเจ้าต่างได้สัญญากัน แน่นอนพวกเจ้าก็ย่อมขัดแย้งกันแล้วในสัญญานั้น
แต่ทว่าเพื่อที่อัลลอฮ์จะได้ทรงให้งานหนึ่ง เสร็จสิ้นไป
ซึ่งงานนั้นได้ถูกกระทำไว้แล้ว เพื่อว่าผู้พินาศจะได้พินาศลงโดยหลักฐานอันชัดแจ้ง
และผู้มีชีวิตอยู่ จะได้มีชีวิตอยู่โดยหลักฐานอันชัดแจ้งและแท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงได้ยินผู้ทรงรอบรู้
[8.43]
จงรำลึกขณะที่อัลลอฮ์ทรงให้เจ้าเห็นพวกเขามีจำนวนน้อยกว่าในความฝันของเจ้า
และหากว่าพระองค์ทรงให้เจ้าเห็นพวกเขามีจำนวนมากแล้วไซร์
แน่นอนพวกเขาก็ย่อมย่อท้อกันและขัดแย้งกันในกิจการนั้น แต่ทว่าอัลลอฮ์ได้ทรงให้ปลอดภัยขึ้น
แท้จริงพระองค์นั้นคือ ผู้ทรงรอบรู้สิ่งซึ่งอยู่ในทรอวงอก
[8.44]
และจงรำลึกขณะที่พระองค์ทรงให้พวกเจ้าเห็นพวกเขามีจำนวนน้อยในสายตาของพวกเจ้า
ขณะที่พวกเจ้าได้เผชิญหน้ากัน
และทรงให้พวกเจ้ามีจำนวนน้อยในสายตาของพวกเขาเพื่อที่อัลลอฮ์จะได้ทรงให้งานหนึ่งเสร็จสิ้นไปซึ่งงานนั้นได้ถูกกระทำไว้แล้ว
และยังอัลลอฮ์นั้น กิจการทั้งหลายจะถูกนำกลับไป
[8.45] บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย ! เมื่อพวกเจ้าพบกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ก็จงยืนหยัดเถิด และจงรำลึกถึงอัลลอฮ์มากๆ
เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับความสำเร็จ
[8.46] และจงเชื่อฟังอัลลอฮ์และร่อซู้ลของพระองค์เถิด
และจงอย่าขัดแย้งกัน จะทำให้พวกเจ้าย่อท้อ และทำให้ความเข้มแข็งของพวกเจ้าหมดไป
และจงอดทนเถิด แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงอยู่กับผู้ที่อดทนทั้งหลาย
[8.47]
และจงอย่าเป็นเช่นบรรดาผู้ที่ออกจากหมู่บ้านของพวกเขาไป ด้วยความหยิ่งผยอง
และโอ้อวดผู้คน และขัดขวางให้เขวออกจากทางของอัลลอฮ์
และอัลลอฮ์นั้นทรงล้อมสิ่งที่พวกเขากระทำกันอยู่
[8.48]
และจงรำลึกในขณะที่ชัยฏอนได้ทำให้สวยงามแก่พวกเขา ซึ่งการงานของพวกเขา
และมันได้กล่าวว่า วันนี้ไม่มีผู้ใดในหมู่มนุษย์ชนะพวกท่านได้ และแท้จริงนั้นฉันคือผู้ช่วยเหลือพวกท่านครั้นเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างมองเห็นกันแล้ว
มันก็กลับส้นเท้าทั้งสองของมัน และกล่าวว่าแท้จริงฉันไม่เกี่ยวข้องกับพวกท่าน
แท้จริงฉันกำลังเห็นสิ่งที่พวกท่านไม่เห็น แท้จริงฉันกลัวอัลลอฮ์
และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงรุนแรงในการลงโทษ
[8.49] จงรำลึกขณะที่บรรดามุนาฟิก
และบรรดาผู้ที่ในหัวใจของพวกเขามีโรคกล่าวว่า ที่
ได้ลวงผู้คนเหล่านี้นั้นคือศาสนาของพวกเขา และผู้ใดมอบหมายแด่อัลลอฮ์
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นคือผู้ทรงเดชานุภาพผู้ทรงปรีชาญาณ
[8.50]
และหากว่าเจ้าเห็นขณะที่มลาอิกะฮ์เอาวิญญาณของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาอยู่นั้นพวกเขาจะตีใบหน้าของพวกเขา
และหลังของพวกเขา และ (กล่าวว่า) พวกเจ้าจงลิ้มการลงโทษแห่งการเผาไหม้เถิด
[8.51]
นั่นก็เนื่องจากสิ่งที่มือของพวกท่านได้ประกอบไว้ก่อน
และแท้จริงอัลลอฮ์นั้นมิใช่ผู้อธรรมแก่บ่าวทั้งหลาย
[8.52] เช่นเดียวกับสภาพแห่งวงศ์วานของฟิร์อาวน์
และบรรดาผู้ที่ก่อนหน้าพวกเขา
ซึ่งพวกเขาปฏิเสธศรัทธาต่อบรรดาโองการของอัลลอฮ์แล้วอัลลอฮ์ก็ได้ทรงลงโทษพวกเขา
เนื่องด้วยบรรดาความผิดของพวกเขา แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงพลัง
และผู้ทรงรุนแรงในการลงโทษ
[8.53] นั่นก็เพราะว่า
อัลลอฮ์มิได้ทรงเป็นผู้เปลี่ยนแปลงความกรุณาใดๆที่พระองค์ทรงประทานมันแก่กลุ่มชนหนึ่งกลุ่มชนใด
จนกว่าพวกเขาจะได้เปลี่ยนแปลงสิ่งที่อยู่ในตัวของพวกเขาเอง
และแท้จริงนั้นอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงได้ยินผู้ทรงรอบรู้
[8.54]
เช่นเดียวกับสภาพแห่งวงศ์วานฟิร์อาวน์และบรรดาผู้ก่อนหน้าพวกเขา
ซึ่งพวกเขาปฏิเสธบรรดาโองการแห่งพระเจ้าของพวกเขา แล้วเราก็ได้ทำลายพวกเขา
เนื่องด้วยความผิดของพวกเขา และเราได้ให้วงศ์วานฟิร์อาวน์จมน้ำตาย
และทั้งหมดนั้นพวกเขาเป็นผู้อธรรม
[8.55] แท้จริงสัตว์โลกที่ชั่วร้ายยิ่ง ณ
อัลลอฮ์นั่นคือบรรดาผู้ที่เนรคุณ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ศรัทธา
[8.56] คือบรรดาผู้ที่เจ้าได้ทำสัญญาไว้กับในหมู่พวกเขา
และพวกเขาก็ทำลายสัญญาของพวกเขาในทุกครั้ง โดยที่พวกเขาหาเกรงไม่
[8.57]
ถ้าหากเจ้าจับพวกเขาไว้ในการรบก็จงขับไล่ผู้ที่อยู่ข้างหลังพวกเขา
ด้วยการลงโทษพวกเขา (ให้เป็นเยี่ยงอย่าง) เพื่อว่าพวกเขาจะได้สำนึก
[8.58] และถ้าหากเจ้าเกรงว่าจะมีการทุจริตจากพวกหนึ่งพวกใด
ก็จงโอน (สัญญา) กลับคืนแก่พวกเขาไปโดยตั้งอยู่บนความเท่าเทียมกัน
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นไม่ทรงชอบบรรดาผู้ที่ทุจริต
[8.59]
และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้นจงอย่าได้คิดเป็นอันขาดว่า
พวกเขาได้หนีพ้นไปแล้วแท้จริงพวกเขาไม่ทำให้อัลลอฮ์หมดความสามารถได้
[8.60] และพวกเจ้าจงเตรียมไว้สำหรับ (ป้องกัน)
พวกเขา สิ่งที่พวกเจ้าสามารถ อันได้แก่กำลังอย่างหนึ่งอย่างใด และการผูกม้าไว้
โดยที่พวกเจ้าทำให้ศัตรูของอัลลอฮ์ และศัตรูของพวกเจ้าหวั่นเกรงด้วยสิ่งนั้น
และพวกอื่นๆอีก อื่นจากพวกเขา ซึ่งพวกเจ้ายังไม่รู้จักพวกเขา
อัลลอฮ์ทรงรู้จักพวกเขาดี
และสิ่งที่พวกเจ้าบริจาคในทางของอัลลอฮ์นั้นไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดก็ตาม
สิ่งนั้นจะถูกตอบแทนแก่เจ้าโดยครบถ้วนโดยที่พวกเจ้าจะไม่ถูกอธรรม
[8.61]
และหากพวกเจ้าโอนอ่อนมาเพื่อการประนีประนอมแล้ว เจ้าก็จงโอนอ่อนตามเพื่อการนั้นด้วย
และจงมอบหมายแต่อัลลอฮ์เถิดแท้จริงนั้นพระองค์คือผู้ทรงได้ยินทรงรอบรู้
[8.62]
และถ้าหากพวกเขาต้องการที่จะหลอกลวงเจ้า
ก็แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นที่พอเพียงแก่เจ้าแล้ว
พระองค์คือผู้ที่ได้ทรงสนับสนุนเจ้าด้วยการช่วยเหลือของพระองค์
และด้วยผู้ศรัทธาทั้งหลาย
[8.63]
และได้ทรงให้สนิทสนมระหว่างหัวใจของพวกเขา
หากเจ้าได้จ่ายสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินทั้งหมดเจ้าก็ไม่สามารถให้สนิทสนมระหว่าง
หัวใจของพวกเขาได้ แต่ทว่าอัลลอฮ์นั้นได้ทรงให้สนิทสนมระหว่างพวกเขา
และแท้จริงพระองค์นั้นคือผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณ
[8.64] โอ้ นบี!
อัลลอฮ์นั้นเป็นที่พอเพียงแก่เจ้า และแก่ผู้ปฏิบัติตามเจ้าด้วย
อันได้แก่ผู้ศรัทธาทั้งหลาย
[8.65] โอ้ นบี!
จงปลุกใจผู้ศรัทธาทั้งหลายในการสู้รบเถิด
หากปรากฏว่าในหมู่พวกเจ้ามียี่สิบคนที่อดทน ก็จะชนะสองร้อยคน
และหากปรากฏว่าในหมู่พวกเจ้ามีร้อยคนก็จะชนะพันคนในหมู่ผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา
เพราะพวกเขาเป็นพวกที่ไม่เข้าใจ
[8.66]
บัดนี้อัลลอฮ์ได้ทรงผ่อนผันแก่พวกเจ้าแล้ว และทรงรู้ว่า
แท้จริงในหมู่พวกเจ้านั้นมีความอ่อนแอ
ดังนั้นหากในหมู่พวกเจ้ามีร้อยคนที่อดทนก็จะชนะสองร้อยคน
และหากในหมู่พวกเจ้ามีสองพันคนก็จะชนะสองพันคน ด้วยอนุมัติของอัลลอฮ์
และอัลลอฮ์นั้นทรงอยู่ร่วมกับผู้อดทนทั้งหลาย
[8.67]
ไม่บังควรแก่นบีคนใดที่เขาจะมีเชลยศึกไว้
จนกว่าเขาจะได้ประหัตประหารอย่างมากมายเสียก่อนในแผ่นดิน
พวกเจ้าต้องการสิ่งเล็กน้อย แห่งโลกนี้
แต่อัลลอฮ์ทรงต้องการปรโลกและอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงเดชานุภาพผู้ทรงปรีชาญาณ
[8.68] หากว่าไม่มีพระกำหนด
จากอัลลอฮ์ล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว แน่นอนการลงโทษอันมหันต์ก็ประสบกับพวกเจ้าแล้ว
เนื่องในสิ่งที่พวกเจ้าเอา
[8.69]
ดังนั้นพวกเจ้าจงบริโภคสิ่งอนุมัติที่ดี จากสิ่งที่พวกเจ้าได้มาจากการทำศึก
และพึงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด แท้จริงอัลลอฮ์นั้นคือผู้ทรงอภัยโทษผู้ทรงเอ็นดูเมตตา
[8.70] โอ้ นบี!
จงกล่าวแก่ผู้ที่อยู่ในมือของพวกเจ้า จากบรรดาผู้ที่เป็นเชลยศึกเถิดว่า
หากอัลลอฮ์ทรงรู้ว่ามีความดีใดๆ ในหัวใจของพวกท่านแล้ว
พระองค์ก็จะทรงประทานให้แก่พวกท่าน ซึ่งสิ่งที่ดียิ่งกว่าสิ่งที่ถูกเอามาจากพวกท่านและจะทรงอภัยโทษแก่พวกท่านด้วย
และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษเป็นผู้ทรงเอ็นดูเมตตา
[8.71] และถ้าหากพวกเขาต้องการทุจริตต่อเจ้า
ก็แท้จริงนั้นพวกเขาได้ทุจริตต่ออัลลอฮ์มาก่อนแล้ว
แล้วพระองค์ก็ทรงให้สามารถชนะพวกเขาได้ และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ
[8.72] แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธา
และอพยพและต่อสู้ทั้งด้วยทรัพย์สมบัติของพวกเขา และชีวิตของพวกเขาในทางของอัลลอฮ์
และบรรดาผู้ที่ให้ที่พักอาศัย และช่วยเหลือนั้น
ชนเหล่านี้แหละคือบางส่วนของพวกเขาย่อมเป็นผู้ช่วยเหลืออีกบางส่วน
และบรรดาผู้ที่ศรัทธา และมิได้อพยพนั้นก็ไม่เป็นหน้าที่แก่พวกเจ้าแต่อย่างใดในการช่วยเหลือพวกเขา
จนกว่าพวกเขาจะอพยพและถ้าหากพวกเขาขอให้เจ้าช่วยเหลือในเรื่องศาสนา
ก็จำเป็นแก่พวกเจ้าในการช่วยเหลือนั้นนอกจากในการต่อต้าน
พวกที่ระหว่างพวกเจ้ากับพวกเขามีสัญญากันอยู่ และอัลลอฮ์นั้นทรงเห็นในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำกัน
[8.73] และบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธานั้น
บางส่วนของพวกเขาย่อมเป็นผู้ช่วยเหลืออีกบางส่วนหากพวกเขาไม่ปฏิบัติในสิ่งนั้นแล้ว
ความวุ่นวายและความเสียหายอันใหญ่หลวงก็จะเกิดขึ้นในแผ่นดิน
[8.74] และบรรดาผู้ที่ศรัทธา และอพยพ
และต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮ์ และบรรดาผู้ที่ให้ที่พักอาศัย และความช่วยเหลือนั้น
ชนเหล่านี้แหละ พวกเขาคือผู้ศรัทธาโดยแท้จริง ซึ่งพวกเขาจะได้รับการอภัยโทษ
และเครื่องยังชีพอันมากมาย
[8.75]
และบรรดาผู้ที่ได้ศรัทธาที่หลัง และได้อพยพ และต่อสู้ร่วมกับพวกเจ้านั้น
ชนเหล่านี้แหละเป็นส่วนหนึ่งของพวกเจ้า และบรรดาญาตินั้น
บางส่วนของพวกเขาเป็นส่วนที่สมควรต่ออีกบางส่วน ในคัมภีร์ของอัลลอฮ์
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงรอบรู้ในทุกสิ่งทุกอย่าง
9.ซูเราะห์อัต-เตาบะฮ์
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[9.1] (นี้คือประกาศ)
การพ้นข้อผูกพันธ์ใดๆจากอัลลอฮ์ และรอซูลของพระองค์ แด่บรรดาผู้สักการะเจว็ด
(มุชริกีน) ที่พวกเจ้าได้ทำสัญญาไว้
[9.2] ดังนั้นพวกท่าน
จงท่องเที่ยวไปในแผ่นดินสี่เดือน และพึงรู้เถิดว่า
แท้จริงพวกท่านนั้นมิใช่ผู้ที่จะทำให้อัลลอฮ์หมดความสามารถก็หาไม่
และแท้จริงอัลลอฮ์จะทรงให้ผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลายอัปยศ
[9.3] และเป็นประกาศจากอัลลอฮ์
และรอซูลของพระองค์ แด่ประชาชนทั้งหลายในวันฮัจญอันใหญ่ยิ่ง
ว่าแท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงพ้นข้อผูกพันธ์จากมุชริกทั้งหลาย
และรอซูลของพระองค์ก็พ้นข้อผูกพันธ์นั้นด้วย และหากพวกเจ้าสำนึกผิด
และกลับตัวมันก็เป็นสิ่งดีแก่พวกเจ้า และหากพวกเจ้าผินหลังให้ก็พึงรู้เถิดว่า
แท้จริงพวกเจ้านั้นมิใช่ผู้ที่จะทำให้อัลลอฮ์หมดความสามารถได้
และจงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเหล่านั้นเถิดด้วยการลงโทษอันเจ็บแสบ
[9.4] นอกจากบรรดาผู้สักการะเจว็ด (มุชริกีน)
ที่พวกเจ้าได้ทำสัญญาไว้ แล้วพวกเขามิได้ผิดสัญญาแก่พวกเจ้าแต่อย่างใด
และมิได้สนับสนุนผู้ใดต่อต้านพวกเจ้า
ดังนั้นจะให้ครบถ้วนแก่พวกเขาซึ่งสัญญาของพวกเขาจนถึงกำหนดเวลาของพวกเขาเถิด
แท้จริงอัลลอฮ์นั้น ทรงชอบผู้ที่ยำเกรงทั้งหลาย
[9.5] ครั้นเมื่อบรรดาเดือนต้องห้าม
เหล่านั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว ก็จงประหัตประหารมุชริกเหล่านั้น ณ
ที่ใดก็ตามที่พวกเจ้าพบพวกเขา และจงจับพวกเขาและจงล้อมพวกเขา
และจงนั่งสอดส่องพวกเขาทุกจุดที่สอดส่อง แต่ถ้าพวกเขาสำนึกผิดกลับตัว
และดำรงไว้ซึ่งการละหมาด และชำระซะกาตแล้วไซร้ ก็จงปล่อยพวกเขาไป
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษผู้ทรงเอ็นดูเมตตา
[9.6]
และหากว่ามีคนใดในหมู่มุชริกได้ขอให้เจ้าคุ้มครอง ก็จงคุ้มครองเขาเถิด
จนกว่าเขาจะได้ยินดำรัสของอัลลอฮ์ แล้วจงส่งเขายังที่ปลอดภัยของเขา
นั่นก็เพราะว่าพวกเขาเป็นกลุ่มชนที่ไม่รู้
[9.7]
จะเป็นไปได้อย่างไรแก่มุชริกีนที่จะมีสัญญาใดๆ ณ ที่อัลลอฮ์ และรอซูลของพระองค์ได้
นอกจากบรรดาผู้ที่พวกเจ้าได้ทำสัญญาไว้ที่อัล-มัสยิดิลฮะรอมเท่านั้น
ดังนั้นตราบใดที่พวกเขาเที่ยงธรรมต่อพวกเจ้า ก็จงเที่ยงธรรมต่อพวกเขา
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงชอบบรรดาผู้มีความยำเกรง
[9.8] (จะมีสัญญาใด) อย่างไรเล่า? และหากพวกเขามีชัยชนะเหนือพวกเจ้า
พวกเขาก็ไม่คำนึงถึงเครือญาติ และพันธะสัญญาใดๆ ในหมู่พวกเจ้า
พวกเขาทำให้พวกเจ้าพึงพอใจด้วยลมปากของพวกเขาเท่านั้น โดยที่หัวใจของพวกเขาปฏิเสธ
และส่วนมากของพวกเขานั้นเป็นผู้ละเมิด
[9.9]
พวกเขาได้เอาบรรดาโองการของอัลลอฮ์แลกเปลี่ยนกับราคาอันเล็กน้อย แล้วก็ขัดขวาง
(ผู้คน) ให้ออกจากทางของอัลลอฮ์ แท้จริงพวกเขานั้น
สิ่งที่พวกเขาทำอยู่ช่างชั่วช้าจริงๆ
[9.10]
พวกเขาจะไม่คำนึงถึงเครือญาติและพันธะสัญญาในผู้ศรัทธาคนหนึ่งคนใด
และชนเหล่านี้แหละพวกเขาคือผู้ละเมิด
[9.11] แล้วหากพวกเขาสำนึกผิดกลับตัว
และดำรงไว้ซึ่งการละหมาด และชำระซะกาตแล้วไซร้ก็เป็นพี่น้องของพวกเจ้าในศาสนา
และเราจะแจกแจงบรรดาโองการไว้แก่กลุ่มชนที่รู้
[9.12]
และถ้าหากพวกเขาทำลายคำมั่นสัญญาของพวกเขา
หลังจากที่พวกเขาได้ทำสัญญาไว้และใส่ร้ายในศาสนาของพวกเจ้าแล้วไซร้
ก็จงต่อสู้บรรดาผู้นำแห่งการปฏิเสธศรัทธาเถิด แท้จริงพวกเขานั้นหาได้มีคำมั่นสัญญาใดๆ
แก่พวกเขาไม่ เพื่อว่าพวกเขาจะหยุดยั้ง
[9.13] พวกเจ้าจะไม่ต่อสู้กระนั้นหรือ
ซึ่งกลุ่มชนที่ทำลายคำมั่นสัญญาของพวกเขา และมุ่งขับไล่รอซูลให้ออกไป ทั้งๆ
ที่พวกเขาได้เริ่มปฏิบัติแก่พวกเจ้าก่อนเป็นครั้งแรก พวกเจ้ากลัวพวกเขากระนั้นหรือ? อัลลอฮ์ต่างหากเล่า
คือผู้ที่สมควรแก่การที่พวกเจ้าจะกลัว หากพวกเจ้าเป็นผู้ศรัทธา
[9.14] พวกเจ้าจงต่อสู้พวกเขาเถิด
อัลลอฮ์จะได้ทรงลงโทษพวกเขาด้วยมือของพวกเจ้า และจะได้ทรงหยามพวกเขา
และจะได้ทรงช่วยเหลือพวกเจ้าให้ได้รับชัยชนะเหนือพวกเขา และจะได้ทรงบำบัด
หัวอกของกลุ่มชนที่ศรัทธาทั้งหลาย
[9.15]
และจะได้ทรงให้หมดไปซึ่งความกริ้วโกรธแห่งหัวใจของพวกเขา
และอัลลอฮ์นั้นจะทรงอภัยโทษแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และอัลลอฮ์คือผู้ทรงรอบรู้
ผู้ทรงปรีชาญาณ
[9.16] หรือพวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้าจะถูกปล่อยไว้
โดยที่อัลลอฮ์ยังมิได้ทรงรู้ บรรดาผู้ที่ต่อสู้ในหมู่พวกเจ้า
และมิได้ยึดถือเพื่อนสนิท อื่นจากอัลลอฮ์ และร่อซู้ลของพระองค์
และอื่นจากผู้ศรัทธาทั้งหลาย
และอัลลอฮ์นั้นทรงรอบรู้อย่างละเอียดในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ
[9.17]
ไม่บังควรแก่มุชริกทั้งหลายที่จะบูรณะบรรดามัสยิดของอัลลอฮ์ ในฐานะที่พวกเขายืนยันแก่ตัวของพวกเขาเองแล้ว
ซึ่งการปฏิเสธศรัทธา ชนเหล่านั้นแหละบรรดาการงานของพวกเขาไร้ผล
และในนรกนั้นพวกเขาจะอยู่ตลอดกาล
[9.18]
แท้จริงที่จะบูรณะบรรดามัสยิดของอัลลอฮ์นั้นคือผู้ที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และวันปรโลก
และได้ดำรงไว้ซึ่งการละหมาด และชำระซะกาต และเขามิได้ยำเกรงนอกจากอัลลอฮ์เท่านั้น
ดังนั้นจึงหวังได้ว่า ชนเหล่านี้แหละจะเป็นผู้อยู่ในหมู๋ผู้รับคำแนะนำ
[9.19] พวกเจ้าได้ถือเอาการให้น้ำดื่ม
แก่ผู้ประกอบพิธีฮัจย์ และการบูรณะมัสยิดอัลหะรอม ดั่งผู้ที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์
และวันปรโลก และต่อสู้ในทางของอัลลอฮ์กระนั้นหรือ? เขาเหล่านั้นย่อมไม่เท่าเทียมกัน
ณ:ที่อัลลอฮ์ และอัลลอฮ์นั้นจะไม่ทรงแนะนำกลุ่มชนที่เป็นผู้อธรรม
[9.20] บรรดาที่ผู้ที่ศรัทธา
และอพยพและต่อสู้ในทางของอัลลอฮ์ทั้งด้วยทรัพย์สมบัติของพวกเขา
และชีวิตของพวกเขานั้นย่อมเป็นผู้มีระดับชั้นยิ่งใหญ่กว่า ณ:ที่อัลลอฮ์
และชนเหล่านี้แหละพวกเขาคือผู้มีชัยชนะ
[9.21]
พระเจ้าของพวกเขาทรงแจ้งข่าวดีแก่พวกเขาด้วยความกรุณาเมตตาจากพระองค์
และด้วยความปิติยินดี และบรรดาสวนสวรรค์ ด้วยซึ่งในสวนสวรรค์เหล่านั้น
พวกเขาจะได้รับสิ่งอำนวยความสุขอันจีรังยั่งยืน
[9.22] โดยที่พวกเขาจะพำนักอยู่ในสวนสวรรค์เหล่านั้นตลอดกาล
แท้จริงอัลลอฮ์นั้น ณ:ที่พระองค์มีรางวัลอันยิ่งใหญ่
[9.23] บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย!
จงอย่าได้ถือเอาบิดาของพวกเจ้า และพี่น้องของพวกเจ้าเป็นมิตร
หากพวกเขาชอบการปฏิเสธศรัทธาเหนือการอีมาน และผู้ใดในหมู่พวกเจ้าให้พวกเขาเป็นมิตรแล้ว
ชนเหล่านี้แหละพวกเขาคือผู้อธรรม
[9.24] จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า
หากบรรดาบิดาของพวกเจ้าและบรรดาลูกๆของพวกเจ้าและบรรดาพี่น้องของพวกเจ้า
และบรรดาคู่ครองของพวกเจ้า และบรรดาญาติของพวกเจ้า
และบรรดาทรัพย์สมบัติที่พวกเจ้าแสวงหาไว้ และสินค้าที่พวกเจ้ากลัวว่าจะจำหน่ายมันไม่ออก
และบรรดาที่อยู่อาศัยที่พวกเจ้าพึงพอใจมันนั้น
เป็นที่รักใคร่แก่พวกเจ้ายิ่งกว่าอัลลอฮ์ และร่อซู้ลของพระองค์
และการต่อสู้ในทางของพระองค์แล้วไซร้ ก็จงรอคอยกันเถิดจนกว่าอัลลอฮ์
จะทรงนำมาซึ่งกำลังของพระองค์ และอัลลอฮ์นั้นจะไม่ทรงนำทางแก่กลุ่มชนที่ละเมิด
[9.25]
แท้จริงอัลลอฮ์ได้ทรงช่วยเหลือพวกเจ้าแล้วในสนามรบอันมากมาย
และในวันแห่งสงครามฮุนัยน์ด้วย ขณะที่การมีจำนวนมากของพวกเจ้าทำให้พวกเจ้าพึงใจ
แล้วมันก็มิได้อำนวยประโยชน์แก่พวกเจ้าแต่อย่างใด และแผ่นดินก็แคบแก่พวกเจ้า
ทั้งๆที่มันกว้างอยู่ แล้วพวกเจ้าก็หันหลังหนี
[9.26]
และอัลลอฮ์ก็ได้ทรงประทานลงมาซึ่งความสงบใจจากพระองค์แก่ร่อซู้ลของพระองค์และแก่บรรดาผู้ศรัทธาเหล่านั้น
และได้ทรงให้ไพร่พลลงมา ซึ่งพวกเจ้าไม่เห็นพวกเขา
และได้ทรงลงโทษบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเหล่านั้นและนั่นคือการตอบแทนแก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา
[9.27]
และพระองค์ก็ทรงอภัยโทษหลังจากนั้นแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์
และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษผู้ทรงเอ็นดูเมตตา
[9.28] บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย!
แท้จริงบรรดามุชริกนั้นโสมม ดังนั้นพวกเขาจงอย่าเข้าใกล้อัล-มัสยิ-ดิลหะรอม
หลังจากปีของพวกเขานี้ และหากพวกเจ้ากลัวความยากจน อัลลอฮ์ก็จะทรงให้พวกเจ้ามั่งมี
จากความกรุณาของพระองค์ หากพระองค์ทรงประสงค์แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้
ผู้ทรงปรีชาญาณ
[9.29]
พวกเจ้าจงต่อสู้บรรดาผู้ที่ไม่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์และต่อวันปรโลก
และไม่งดเว้นสิ่งที่อัลลอฮ์และร่อซู้ลห้ามไว้ และไม่ปฏิบัติตามศาสนาแห่งความสัจจะ
อันได้แก่บรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์
จนกว่าพวกเขาจะจ่ายอัล-ญิซยะฮ์จากมือของพวกเขาเอง
ในสภาพที่พวกเขาเป็นผู้ที่ต่ำต้อย
[9.30] และชาวยิวได้กล่าวว่า อุซัยร
เป็นบุตรของอัลลอฮ์ และชาวคริสต์ได้กล่าวว่า อัล-มะซีห์ เป็นบุตรของอัลลอฮ์ นั่นคือถ้อยคำที่พวกเขากล่าวขึ้นด้วยปากของพวกเขาเอง
ซึ่งคล้ายกับถ้อยคำของบรรดาผู้ที่ได้ปฏิเสธการศรัทธามาก่อน
ขออัลลอฮ์ทรงละอ์นัตพวกเขาด้วยเถิด พวกเขาถูกหันเหไปได้อย่างไร?
[9.31]
พวกเขาได้ยึดเอาบรรดานักปราชญ์ของพวกเขา
และบรรดาบาดหลวงของพวกเขาเป็นพระเจ้าอื่นจากอัลลอฮ์
และยึดเอาอัล-มะซีห์บุตรของมัรยัมเป็นพระเจ้าด้วย
ทั้งๆที่พวกเขามิได้ถูกใช้นอกจากเพื่อเคารพสักการะผู้ที่สมควรได้รับการเคารพสักการะ
แต่เพียงองค์เดียว ซึ่งไม่มีผู้ใดควรได้รับการเคารพสักการะนอกจากพระองค์เท่านั้น
พระองค์ทรงบริสุทธิ์จากสิ่งที่พวกเขาให้มีภาคีขึ้น
[9.32]
พวกเขาต้องการเพื่อจะดับแสงสว่างของอัลลอฮ์ด้วยปากของพวกเขา
และอัลลอฮ์นั้นไม่ทรงยินยอม นอกจากจะทรงให้แสงสว่างของพระองค์สมบูรณ์เท่านั้น
และแม้ว่าบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาจะชิงชังก็ตาม
[9.33] พระองค์นั้นคือผู้ที่ได้ส่งร่อซู้ลของพระองค์มาพร้อมด้วยคำแนะนำ
และศาสนาแห่งสัจจะ เพื่อที่จะทรงให้ศาสนาแห่งสัจจะนั้นประจักษ์เหนือศาสนาทุกศาสนา
และแม้ว่าบรรดามุชริกจะชิงชังก็ตาม
[9.34] บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย!
แท้จริงจำนวนมากมายจากบรรดานักปราชญ์
และบาดหลวงนั้นกินทรัพย์ของประชาชนโดยไม่ชอบและขัดขวาง (ผู้คน)
ให้ออกจากทางของอัลลอฮ์และบรรดาผู้ที่สะสมทองและเงิน
และไม่จ่ายมันในทางของอัลลอฮ์นั้น จงแจ้งข่าวดีแก่พวกเขาเถิด
ด้วยการลงโทษอันเจ็บปวด
[9.35]
วันที่มันจะถูกเผาไฟนรกแห่งญะฮันนัมแล้วหน้าผากของพวกเขา
และสีข้างของพวกเขาและหลังของพวกเขาจะถูกนาบด้วยมัน
นี้แหละคือสิ่งที่พวกเจ้าได้สะสมไว้ เพื่อตัวของพวกเจ้าเอง
ดังนั้นจงลิ้มรสสิ่งที่พวกเจ้าสะสมไว้เถิด
[9.36] แท้จริงจำนวนเดือน ณ
อัลลอฮ์นั้นมีสิบสองเดือนในคัมภีร์ของอัลลอฮ์ตั้งแต่วันที่พระองค์ทรงสร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน
จากเดือนเหล่านั้นมีสี่เดือน ซึ่งเป็นเดือนที่ต้องห้ามนั่นคือบัญญัติอันเที่ยงตรง
ดังนั้นพวกเจ้าจงอย่าอธรรมแก่ตัวของพวกเจ้าเองในเดือนเหล่านั้นและจงต่อสู้บรรดามุชริกทั้งหมด
เช่นเดียวกับที่พวกเขากำลังต่อสู้พวกเจ้าทั้งหมด และพึงรู้เถิดว่า
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นร่วมกับบรรดาผู้ที่ยำเกรง
[9.37] แท้จริงการเลื่อนเดือนที่ต้องห้ามให้ล่าช้า
ไปนั้นเป็นการเพิ่มในการปฏิเสธศรัทธา
ยิ่งขึ้นโดยที่ผู้ปฏิเสธศรัทธาเหล่านั้นถูกทำให้หลงผิดไป
เนื่องด้วยการเลื่อนเดือนต้องห้ามนั้น พวกเขาได้ให้มันเป็นที่อนุมัติปีหนึ่ง
และให้มันเป็นที่ต้องห้ามปีหนึ่ง เพื่อพวกเขาจะให้พ้องกับจำนวนเดือนที่อัลลอฮ์ได้ทรงห้ามไว้
(มิเช่นนั้นแล้ว)
พวกเขาก็จะทำให้เป็นที่อนุมัติสิ่งทีอัลลอฮ์ได้ทรงให้เป็นที่ต้องห้ามไป
โดยที่ความชั่วแห่งบรรดาการงานของพวกเขาได้ถูกประดับประดาให้สวยงามแก่พวกเขา
และอัลลอฮ์นั้นจะไม่ทรงนำทางแก่กลุ่มชนที่ปฏิเสธศรัทธา
[9.38] บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย
มีอะไรเกิดขึ้นแก่พวกเจ้ากระนั้นหรือ? เมื่อได้ถูกกล่าวแก่พวกเจ้าว่า
จงออกไปต่อสู้ในทางของอัลลอฮ์เถิด พวกเจ้าก็แนบหนักอยู่กับพื้นดิน
พวกเจ้าพึงพอใจต่อชีวิตความเป็นอยู่แห่งโลกนี้ แทนปรโลกกระนั้นหรือ ? สิ่งอำนวยความสุขแห่งชีวิตความเป็นอยู่ในโลกนี้นั้น ในปรโลกแล้ว
ไม่มีอะไรนอกจากสิ่งเล็กน้อยเท่านั้น
[9.39] ถ้าหากพวกเจ้าไม่ออกไป
พระองค์ก็จะทรงลงโทษพวกเจ้าอย่างเจ็บปวด และจะทรงให้พวกหนึ่งอื่นจากพวกเจ้ามาแทน
และพวกเจ้าไม่สามารถจะยังความเดือดร้อนให้แก่พระองค์ได้แต่อย่างใด
และอัลลอฮ์นั้นทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง
[9.40] ถ้าหากพวกเจ้าไม่ช่วยเขา
ก็แท้จริงนั้นอัลลอฮ์ได้ทรงช่วยเขามาแล้ว
ขณะที่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาได้ขับไล่เขาออกไป โดยที่เขาเป็นคนที่สองในสองคน
ขณะที่ทั้งสองอยู่ในถ้ำนั้นคือขณะที่เขา ได้กล่าวแก่สหายของเขาว่า ท่านอย่าเสียใจ
แท้จริงอัลลอฮ์ทรงอยู่กับเรา แล้วอัลลอฮ์ก็ทรงประทานลงมาแก่เขา
ซึ่งความสงบใจจากพระองค์ และได้ทรงสนับสนุนเขาด้วยบรรดาไพร่พล
ซึ่งพวกเจ้าไม่เห็นพวกเขา และได้ทรงให้ถ้อยคำ
ของผู้ที่ปฏิเสธศรัทธาอยู่ในระดับต่ำสุด และพจนารถของอัลลอฮ์นั้น
คือพจนารถที่สูงสุด และอัลลอฮ์คือ ผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณ
[9.41] พวกเจ้าจงออกไปกันเถิด
ทั้งผู้ที่มีสภาพว่องไว และผู้ที่มีสภาพเชื่องช้า
และจงเสียสละทั้งด้วยทรัพย์ของพวกเจ้า และชีวิตของพวกเจ้าในทางของอัลลอฮ์
นั่นแหละคือสิ่งที่ดียิ่งสำหรับพวกเจ้า หากพวกเจ้ารู้
[9.42] หากมันเป็นผลได้อันใกล้ และเป็นการเป็นทางที่สะดวกและใกล้แล้วไซร้
แน่นอนพวกเขาก็ปฏิบัติตามเจ้าแล้ว แต่ทว่าระยะทางอันลำบากนั้นไกลแก่พวกเขา
และพวกเขาจะสาบานต่ออัลลอฮ์ว่า ถ้าหากพวกเราสามารถแล้ว
แน่นอนพวกเราก็ออกไปกับพวกท่านแล้ว พวกเขากำลังทำลายชีวิตของพวกเขาเอง
และอัลลอฮ์นั้นทรงรู้ว่าแท้จริงพวกเขานั้นเป็นผู้กล่าวเท็จ
[9.43] อัลลอฮ์นั้นได้ทรงอภัยให้แก่เจ้า
แล้วเพราะเหตุใดเล่าเจ้าจึงอนุมัติให้แก่พวกเขา จนกว่าจะได้ประจักษ์แก่เจ้าก่อน
ซึ่งบรรดาผู้ที่พูดจริง และจนกว่าเจ้าจะได้รู้บรรดาผู้ที่กล่าวเท็จ
[9.44] บรรดาผู้ที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และวันปรโลกนั้นจะไม่ขออนุมัติต่อเจ้าในการที่พวกเขาจะเสียสละทั้งด้วยทรัพย์ของพวกเขา
และชีวิตของพวกเขา และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้ต่อบรรดาผู้ที่ยำเกรง
[9.45]
แท้จริงที่จะขออนุมัติต่อเจ้านั้นคือบรรดาผู้ที่ไม่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์
และวันปรโลกและหัวใจของพวกเขาสงสัยเท่านั้น แล้วในการสงสัยของพวกเขานั้นเอง
พวกเขาจึงลังเลใจ
[9.46] และหากพวกเขาต้องการออกไป
แน่นอนพวกเขาต้องเตรียมสัมภาระสำหรับการออกไปนั้นแล้ว
แต่ทว่าอัลลอฮ์ทรงเกลียดการออกไปของพวกเขาพระองค์จึงได้ทรงกีดขวางพวกเขาไว้
และได้ถูกกล่าวว่า ท่านทั้งหลายจงนั่งอยู่กับผู้ที่นั่งทั้งหลายเถิด
[9.47]
หากว่าพวกเขาออกไปในหมู่พวกเจ้าแล้วก็ไม่มีอะไรเพิ่มแก่พวกเจ้า
นอกจากความเสียหายเท่านั้น
และแน่นอนพวกเขาก็ย่อมฉวยโอกาสยุแหย่ระหว่างพวกเจ้าโดยปรารถนาให้เกิดความวุ่นวายแก่พวกเจ้า
และในหมู่พวกเจ้านั้นก็มีพวกที่รับฟังพวกเขาอยู่ และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้ในผู้อธรรมทั้งหลาย
[9.48] แท้จริงนั้นพวกเขาได้แสวงหาความวุ่นวาย
มาก่อนแล้ว และวางแผนต่างๆ นานาเพื่อต่อต้านเจ้า จนกระทั่งความจริงได้มา
และพระบัญชาของอัลลอฮ์ได้ประจักษ์ขึ้นทั้งๆ ที่พวกเขาไม่พอใจ
[9.49] และในหมู่พวกเขานั้นมีผู้ที่กล่าวว่าจงอนุมัติแก่ฉันเถิด
และอย่าให้ฉันตกอยู่ในการทำความชั่วเลย พึงรู้เถิดว่า
พวกเขาได้ตกอยู่ในการทำความชั่วนั้นแล้ว
และแท้จริงนรกญะฮันนัมนั้นล้อมบรรดาผู้ปฏิเสธการศรัทธาอยู่แล้ว
[9.50]
หากมีความดีใดๆประสบแก่เจ้าก็ทำให้พวกเขาไม่สบายใจ และหากมีอันตรายใดๆ ประสบแก่เจ้า
พวกเขาก็กล่าวว่า แท้จริงพวกเราได้เอากิจการของเราไว้ก่อนแล้ว
และพวกเขาก็ผินหลังให้ โดยที่พวกเขาเป็นผู้ปิติยินดี
[9.51] จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า
จะไม่ประสบแก่เราเป็นอันขาด นอกจากสิ่งที่อัลลอฮ์ได้กำหนดไว้แก่เราเท่านั้น
ซึ่งพระองค์เป็นผู้คุ้มครองเราและแต่อัลลอฮ์ มุมินทั้งหลายจงมอบหมายเถิด
[9.52] จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า
พวกท่านจะไม่คอยดูพวกเรา นอกจากหนึ่งในสองสิ่งที่ดีเยี่ยมเท่านั้น
และเราก็จะคอยดูพวกท่านในการที่อัลลอฮ์จะทรงให้ประสบแก่พวกท่านด้วยการลงโทษที่มาจากที่พระองค์
หรือด้วยมือของพวกเรา ดังนั้นพวกเจ้าจงคอยดูไปเถิด
แท้จริงพวกเราก็จะเป็นผู้คอยดูพร้อมกับพวกท่านด้วย
[9.53] จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด)
ว่าพวกท่านจงบริจาคกันเถิด ทั้งด้วยสมัครใจหรือด้วยฝืนใจก็ตาม มัน
จะไม่ถูกรับจากพวกท่านเป็นอันขาดแท้จริงพวกท่านนั้นเป็นพวกที่ละเมิด
[9.54] ไม่มี่สิ่งใดขัดขวางพวกเขา
ในการที่บรรดาสิ่งบริจาคของพวกเขาไม่ถูกรับจากพวกเขานอกจากพวกเขาปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮ์
และต่อร่อซู้ลของพระองค์เท่านั้น และพวกเขาจะไม่มาละหมาด
นอกจากพวกเขาจะมีสภาพเกียจคร้าน แลพวกเขาจะไม่บริจาค นอกจากพวกเขาจะมีสภาพฝืนใจ
[9.55] ดังนั้นจงอย่าให้ทรัพย์สมบัติพวกเขา
และอย่าให้ลูก ๆ ของพวกเขาเป็นที่พึงใจแก่เจ้า
แท้จริงอัลลอฮ์ทรงต้องการที่จะลงโทษพวกเขาด้วยสิ่งเหล่านั้นในชีวิตแห่งโลกนี้
และที่จะให้ชีวิตของพวกเขาออกจากร่างไป ขณะที่พวกเขาเป็นผุ้ปฏิเสธศรัทธาเท่านั้น
[9.56] และพวกเขา
จะสาบานต่ออัลลอฮ์ว่าแท้จริงพวกเขานั้นเป็นพวกของพวกเจ้า
และพวกเขาหาใช่เป็นพวกของพวกเจ้าไม่ แต่ทว่าพวกเขานั้นคือ พวกที่หวาดกลัว ต่างหาก
[9.57] หากพวกเขาพบที่พักพิง
หรือบรรดาถ้ำหรืออุโมง แน่นอนพวกเขาจะหันไปหามัน โดยที่พวกเขาจะไปอย่างรีบด่วน
[9.58]
และในหมู่พวกเขานั้นมีผู้ที่ตำหนิเจ้าในเรื่องสิ่งบริจาค
ถ้าหากพวกเขาได้รับจากสิ่งบริจาคนั้นพวกเขาก็ยินดี
และหากพวกเขามิได้รับจากสิ่งบริจาคนั้น ทันใดพวกเขาก็โกรธ
[9.59] และหากพวกเขายินดีต่อสิ่ง
ที่อัลลอฮ์และร่อซู้ลของพระองค์ได้ให้แก่พวกเขา และกล่าวว่า
อัลลอฮ์นั้นทรงพอเพียงแก่เรา แล้วโดยที่อัลลอฮ์จะทรงประทานแก่เราจากความกรุณาของพระองค์และร่อซู้ลของพระองค์
(ก็จะให้ด้วย) แท้จริงแด่อัลลอฮ์เท่านั้นพวกเราเป็นผู้วิงวอนขอ
[9.60] แท้จริงทานทั้งหลาย นั้น
สำหรับบรรดาผู้ที่ยากจน และบรรดาผู้ที่ขัดสน และบรรดาเจ้าหน้าที่ในการรวบรวมมัน
และบรรดาผู้ที่หัวใจของพวกเขาสนิทสนม และในการไถ่ทาส และบรรดาผู้ที่หนี้สินล้นตัว
และในทางของอัลลอฮ์ และผู้ที่อยู่ในระหว่างเดินทาง
ทั้งนี้เป็นบัญญัติอันจำเป็นซึ่งมาจากอัลลอฮ์ และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้
ผู้ทรงปรีชาญาณ
[9.61]
และในหมู่พวกเขานั้นมีบรรดาผู้ที่ก่อความเดือดร้อนแก่นบี โดยที่พวกเขากล่าวว่า
เขาคือหู จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า คือหูแห่งความดีสำหรับพวกท่าน
โดยที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และเชื่อถือต่อผู้ศรัทธาทั้งหลาย และเป็นการเอ็นดูเมตตา
แก่บรรดาผู้ศรัทธาในหมู่พวกท่านและบรรดาผู้ที่ก่อความเดือดร้อนแก่ร่อซู้ลของอัลลอฮ์
นั้นพวกเขาจะได้รับการลงโทษอันเจ็บปวด
[9.62] พวกเขาสาบาน ด้วยอัลลอฮ์แก่พวกเจ้า
เพื่อที่จะให้พวกเจ้าพอใจ
และอัลลอฮ์และร่อซู้ลของพระองค์นั้นเป็นผู้สมควรยิ่งกว่าที่พวกเขาจะทำให้เขาพึงพอใจ
หากพวกเขาเป็นผู้ศรัทธา
[9.63] พวกเขามิได้รู้ดอกหรือว่า
แท้จริงผู้ใดที่ฝ่าฝืนอัลลอฮ์และร่อซู้ลของพระองค์
แน่นอนสำหรับเขานั้นคือไฟนรกญะฮันนัมโดยที่เขาจะอยู่ในนั้นตลอดกาลนั่นแหละคือความอัปยศอันใหญ่หลวง
[9.64] บรรดามุนาฟิก นั้นหวั่นเกรงว่า
จะมีซูเราะฮ์ หนึ่งถูกประทานลงมาแก่พวกเขา ซึ่งแจ้งให้พวกเขาทราบสิ่งที่อยู่ในใจ
ของพวกเขา จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า พวกท่านจงเย้ยหยัน กันเถิด
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นจะทรงให้ออกมาซึ่งสิ่ง ที่พวกท่านหวั่นเกรง
[9.65] และถ้าหากเจ้าได้ถามพวกเขา
แน่นอนพวกเขาจะกล่าวว่า แท้จริงพวกเราเป็นเพียงแต่พูดสนุก, พูดเล่น,เท่านั้นจงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด) ว่าต่ออัลลอฮ์ และบรรดาโองการของพระองค์และร่อซู้ลของพระองค์กระนั้นหรือที่พวกท่านเย้ยหยันกัน ?
[9.66] พวกท่านอย่าแก้ตัวเลย
แท้จริงพวกท่านได้ปฏิเสธศรัทธา แล้ว หลังจากการมีศรัทธาของพวกท่าน
หากเราจะอภัยโทษให้แก่กลุ่มหนึ่งในหมู่พวกเจ้า เราก็จะลงโทษอีกกลุ่มหนึ่ง
เพราะว่าพวกเขาเป็นผู้กระทำความผิด
[9.67] บรรดามุนาฟิก ชาย
และบรรดามุนาฟิกหญิงนั้นบางส่วนของพวกเขา ต่างมาจากอีบางส่วน
ซึ่งพวกเขาจะใช้ให้ปฏิบัติในสิ่งที่ไม่ชอบและห้ามปรามในสิ่งที่ชอบ และกำมือ
ของพวกเขาไว้ โดยที่พวกเขาลืมอัลลอฮ์ แล้วพระองค์ก็ทรงลืมพวกเขา บ้าง
แท้จริงบรรดามุนาฟิกนั้นพวกเขาคือ ผู้ละเมิด
[9.68] อัลลอฮ์ได้ทรงขู่ไว้แก่บรรดามุนาฟิกชาย
และบรรดามุนาฟิกหญิง และผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย
ซึ่งไฟนรกญะฮันนัมโดยที่พวกเขาจะอยู่ในนั้นตลอดกาล
มันเป็นสิ่งที่พอเพียงแก่พวกเขาแล้ว และอัลลอฮ์
ก็ได้ทรงให้พวกเขาห่างไกลจากความเอ็นดูเมตตาของพระองค์ และสำหรับพวกเขานั้นคือ
การลงโทษอันจีรังยั่งยืน
[9.69]
เช่นเดียวกับบรรดาผู้ที่ก่อนหน้าพวกเจ้า
ซึ่งพวกเขาเป็นพวกที่มีกำลังแข็งแรงกว่าพวกเจ้า และมีทรัพย์สมบัติและลูก ๆ
มากกว่าพวกเจ้า แล้วพวกเขาก็ได้หาความสำราญในสิ่งที่เป็นส่วนได้ ของพวกเขา
พวกเจ้าก็ได้หาความสำราญในสิ่งที่เป็นส่วนได้ของพวกเจ้า
เช่นเดียวกับบรรดาผู้ทีก่อนหน้าพวกเจ้าได้หาความสำราญในสิ่งที่เป็นส่วนได้ของพวกเขามาแล้ว
และพวกเจ้าพูดกันในสิ่งไร้สาระ เช่นเดียวกับพวกเขาพูดคุยกัน ชนเหล่านี้แหละ
บรรดาการงานของพวกเขาไร้ผล ทั้งในโลกนี้และปรโลก และชนเหล่านี้แหละพวกเขาคือผู้ขาดทุน
[9.70] มิได้มายังพวกเขาดอกหรือ
ซึ่งข่าวคราวของบรรดาผู้ก่อนหน้าพวกเขา คือกลุ่มชนาของนูฮ์ และของอ๊าด และของซะมูด
และกลุ่มชนของอิบรอฮีม และชาวมัดยัน และชาวอัล-มุตะฟิกาต
โดยที่บรรดาร่อซู้ลของพวกเขาได้นำหลักฐานต่าง ๆ อันชัดแจ้งมายังพวกเขา ใช่ว่าอัลลอฮ์นั้นจะอธรรมแก่พวกเขาก็หาไม่
แต่ทว่าพวกเขาอธรรมแก่ตัวของพวกเขาเองต่างหาก
[9.71] และบรรดามุมิน ชาย
และบรรดามุมินหญิงนั้น บางส่วนของพวกเขาต่างเป็นผู้ช่วยเหลืออีกบางส่วน
ซึ่งพวกเขาจะใช้ให้ปฏิบัติในสิ่งที่ชอบและห้ามปรามในสิ่งที่ไม่ชอบ
และพวกเขาจะดำรงไว้ซึ่งการละหมาดและจ่ายซะกาต และภักดีต่ออัลลอฮ์
และร่อซู้ลของพระองค์ชนเหล่านี้แหละ อัลลอฮ์จะทรงเอ็นดูเมตตาแก่พวกเขา
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณ
[9.72]
อัลลอฮ์ได้ทรงสัญญาแก่บรรดามุอ์มินชายและบรรดามุอ์มินหญิง ซึ่งบรรดาสวนสวรรค์
ซึ่งมีแม่น้ำหลายสายไหลอยู่ภายใต้สวนสวรรค์เหล่านั้น
โดยที่พวกเขาจะอยู่ในนั้นตลอดกาล และบรรดาสถานที่พำนัก
อันดีซึ่งอยู่ในบรรดาสวนสวรรค์แห่งความวัฒนาสถาพร และความปิติยินดี
จากอัลลอฮ์นั้นใหญ่กว่า นั่นคือ ชัยชนะอันใหญ่หลวง
[9.73] โอ้นบี ! จงต่อสู้บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาและบรรดาผู้กลับกลอกในการศรัทธา
(มุนาฟิกีน) และจงเฉียบขาดแก่พวกเขาและที่อยู่ของพวกเขานั้นคือ นรกญะฮันนัม
และที่กลับไป นั้น ชั่วช้าจริง ๆ
[9.74] พวกเขาสาบานต่ออัลลอฮ์ว่า
พวกเขามิได้พูดและแท้จริงนั้น พวกเขาได้พูดซึ่งถ้อยคำแห่งการปฏิเสธศรัทธา
และพวกเขาได้ปฏิเสธศรัทธาแล้ว
หลังจากการเป็นมุสลิมของพวกเขาและพวกเขามุ่งกระทำในสิ่งที่พวกเขามิได้รับผล
และพวกเขามิได้ปฏิเสธ และจงเกลียดจงชัง นอกจากว่า อัลลอฮ์
และร่อซู้ลของพระองค์ได้ทรงให้พวกเขามั่งคั่งขึ้นจากความกรุณาของพระองค์
และหากพวกเขาสำนึกผิดกลับเนื้อกลับตัว ก็เป็นสิ่งดีแก่พวกเขา
และหากพวกเขาผินหลังให้อัลลอฮ์ก็จะทรงลงโทษพวกเขาอย่างเจ็บแสบทั้งในโลกนี้และปรโลก
และพวกเขาไม่มีผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลือใด ๆ ในผืนแผ่นดิน
[9.75]
และในหมู่พวกเขานั้นมีผู้ที่ได้สัญญาแก่อัลลอฮ์ว่า
ถ้าหากพระองค์ได้ทรงประทานแก่พวกเรา ซึ่งส่วนหนึ่งจากความกรุณาของพระองค์แล้วไซร้
แน่นอนเหลือเกิน พวกเราจะบริจาคทานและแน่นอนพวกเราจะได้เป็นผู้อยู่ในหมู่คนดี
[9.76]
ครั้นเมื่อพระองค์ได้ทรงประทานให้แก่พวกเขา
ซึ่งส่วนหนึ่งจากความกรุณาของพระองค์พวกเขาก็ตระหนี่ในส่วนนั้นและได้ผินหลังให้
โดยที่พวกเขาเป็นผู้ผินหลังให้อยู่แล้ว
[9.77]
แล้วพระองค์ก็ทรงให้การกลับกลอกในหัวใจของพวกเขาเป็นผลลัพธ์ แก่พวกเขา
จนกระทั่งถึงวันที่พวกเขาจะพบพระองค์ เนื่องจากการที่พวกเขาบิดพริ้วต่ออัลลอฮ์
ในสิ่งที่พวกเขาให้สัญญาไว้แก่พระองค์ และเนื่องจากการที่พวกเขาปฏิเสธ
[9.78] พวกเขามิได้รู้ดอกหรือว่า
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงรู้ความเร้นลับของพวกเขา และการพูดซุบซิบของพวกเขา
และแท้จริงอัลลอฮ์ เป็นผู้ทรงรอบรู้ในซึ่งสิ่งเร้นลับทั้งหลาย
[9.79] พวกที่ตำหนิ
บรรดาผู้ที่สมัครใจจากหมู่ผู้ศรัทธาในการบริจาคทาน และตำหนิผู้ที่ไม่พบสิ่งใด
(จะบริจาค) นอกจากค่าแรงงานอันเล็กน้อยของพวกเขา แล้วเย้ยหยันพวกเขา นั้น
อัลลอฮ์ได้ทรงเย้ยหยันพวกเขา แล้วและสำหรับพวกเขานั้น คือการลงโทษอันเจ็บแสบ
[9.80] เจ้าจงขออภัยโทษให้แก่พวกเขา
หรือไม่ก็จงอย่าขออภัยโทษให้แก่พวกเขา หากเจ้าขออภัยให้แก่พวกเขาเจ็ดสิบครั้ง
อัลลอฮ์ก็จะไม่ทรงอภัยให้แก่พวกเขาเป็นอันขาด
นั่นก็เพราะว่าพวกเขาได้ปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และร่อซู้ลของพระองค์ และอัลลอฮ์
จะไม่ทรงแนะนำกลุ่มชนที่ละเมิด
[9.81] บรรรดาผู้ที่ถูกปล่อยให้อยู่เบื้องหลัง
นั้นดีใจในการที่พวกเขานั่งอยู่เบื้องหลัง ของร่อซู้ลุลลอฮ์
และพวกเขาเกลียดในการที่พวกเขาจะต่อสู้ด้วยทรัพย์ของพวกเขา
และชีวิตของพวกเขาในทางของอัลลอฮ์ และพวกเขากล่าวว่า
ท่านทั้งหลายอย่าออกไปในความร้อนเลย จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า
ไฟนรกญะฮัมนัมนั้นร้อนแรงยิ่งกว่า หากพวกเขาเข้าใจ
[9.82] พวกเขาหัวเราะแต่น้อย และจงร้องไห้มาก
ๆ เถิด ทั้งนี้เป็นการตอบแทนตามที่พวกเขาขวนขวาย ไว้
[9.83]
หากอัลลอฮ์ไทรงให้เจ้ากลับไปยังกลุ่มหนึ่งในหมู่พวกเขา
แล้วพวกเขาจะขออนุมัติเจ้าเพื่อออกไป ก็จงกล่าวเถิดว่า
พวกท่านจะไม่ออกไปกับฉันตลอดกาล และจะไม่ต่อสู้ร่วมกับฉันซึ่งศัตรูใด ๆ เป็นอันขาด
แท้จริงพวกท่านพอใจต่อการนั่งอยู่แต่ครั้งแรกแล้ว ดังนั้น
จะนั่งอยู่กับบรรดาผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ต่อไปเถิด
[9.84] และเจ้า
จงอย่าละหมาดให้แก่คนใดในหมู่พวกเขาที่ตายไปเป็นอันขาด
และจงอย่ายืนที่หลุมศพของเขาด้วย แท้จริงพวกเขานั้นได้ปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮ์
และร่อซู้ลของพระองค์ และพวกเขาได้ตายลง ขณะที่พวกเขาเป็นผู้ละเมิด
[9.85]
และจงอย่าให้ทรัพย์สมบัติของพวกเขาและลูก ๆของพวกเขา เป็นที่พึงใจแก่เจ้า
แท้จริงอัลลอฮ์ ทรงต้องการที่จะลงโทษพวกเขาด้วยสิ่งเหล่านั้นในโลกนี้
และที่จะให้ชีวิตของพวกเขาออกจากร่างไป ขณะที่พวกเขาเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาเท่านั้น
[9.86] และเมื่อมีซูเราะฮ์หนึ่งซูเราะฮ์ใด
ถูกประทานลงมาว่า พวกเข่าจงศรัทธาต่ออัลลอฮ์เถิด
และจงต่อสู้ด้วยทรัพย์สมบัติและชีวิต ร่วมกับร่อซุลของพระองค์
ผู้ที่มั่งคั่งในหมู่พวกเขา ก็ขออนุญาติต่อเจ้า และกล่าวว่า จงปล่อยพวกเราไว้เถิด
พวกเราจะได้อยู่กับบรรดาผู้ที่นั่งอยู่ กัน
[9.87]
พวกเขายินดีในการที่พวกเขาจะอยู่กับบรรดาผู้ที่อยู่เบื้องหลัง
และได้ถูกประทับตราไว้แล้วบนหัวใจของพวกเขา แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เข้าใจ
[9.88] แต่ทว่าร่อซู้ล
และบรรดาผู้ที่ศรัทธาซึ่งร่วมอยู่กับท่านนั้น ได้ต่อสู้ด้วยทรัพย์สมบัติของพวกเขา
และชีวิตของพวกเขาชนเหล่านี้แหละสำหรับพวกเขานั้นจะได้รับความดีมากมาย
และชนเหล่านี้แหละคือผู้ที่ได้รับความสำเร็จ
[9.89] อัลลอฮ์ได้ทรงเตรียมไว้แล้ว
สำหรับพวกเขา ซึ่งบรรดาสวนสวรรค์ ที่มีแม่น้ำหลายสายไหลอยู่ภายใต้
สวนสวรรค์เหล่านั้นโดยที่พวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล นั่นแหละคือชัยชนะอันใหญ่หลวง
[9.90] และบรรดาผู้ที่แก้ตัว
ในหมู่อาหรับชนบทเหล่านั้นได้มา เพื่อจะได้ถูกอนุมัติให้แก่พวกเขา
และบรรดาผู้ที่ปฏิเสธ อัลลอฮ์ และร่อซู้ลของพระองค์นั้นได้นั่งกันอยู่
การลงโทษอันเจ็บแสบจะประทานแก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาในหมู่พวกเขา
[9.91] ไม่มีบาปใด ๆ แก่บรรดาผู้ที่อ่อนแอ, และแก่ผู้ที่ป่วยไข้
และแก่บรรดาผู้ที่ไม่พบสิ่งที่จะบริจาค
เมื่อพวกเขาได้แนะนำตักเตือนให้จงรักภักดีต่ออัลลอฮ์ และร่อซู้ลของพระองค์
ไม่มีทางใดที่จะกล่าวโทษแก่บรรดาผู้กระทำดีได้ และอัลลอฮ์นั้นคือผู้ทรงอภัยโทษ
ผู้ทรงเอ็นดูเมตตา
[9.92] และไม่มีบาปใด ๆ
แก่บรรดาผู้ที่เมื่อพวกเขามาหาเจ้าเพื่อให้เจ้าจัดให้พวกเขาขี่ เจ้าได้กล่าวว่า
ฉันไม่พบพาหนะที่จะให้พวกท่านขี่บนมันได้
พวกเขาก็ผินหลังกลับโดยที่นัยน์ตาของพวกเขาท่วมท้วนไปด้วยน้ำตา
เพราะเสียใจที่พวกเขาไม่พบสิ่งที่พวกเขาจะบริจาค
[9.93] แท้จริงทางที่จะกล่าวโทษได้นั้น
ก็เพียงแต่บรรดาผู้ที่อนุญาตต่อเจ้า ทั้ง ๆ ที่พวกเขาเป็นผู้มั่งมี
ซึ่งยินดีที่จะอยู่ร่วมกับบรรดาผู้ที่อยู่เบื้องหลัง
และอัลลอฮ์ได้ทรงประทับตราบนหัวใจของพวกเขาแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้อะไร
[สิ้นสุดญุซอ์ที่ 10 ]
ป้ายกำกับ: ญุซอ์ที่ 10, วะอฺ ละมู
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]
<< หน้าแรก